สะเทือนไปทั้งกรมปทุมวันยังไม่พอ แต่ยังสะเทือนไปถึงศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. คนที่ 14 หลังเกิดเหตุเหิมเกริม ลูกน้อง “กำนันนก” ประวีณ จันทร์คล้าย สังหาร “สารวัตรแบงค์” หรือ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว อดีต สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา
ให้หลังเพียง 4 วัน “ผู้กำกับเบิ้ม” พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ “ผกก.เบิ้ม” ผกก.2 บก.ทล. ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองในบ้านพักย่านปทุมธานี ปฏิเสธไม่ได้ว่า การสูญเสีย อดีต 2 นายตำรวจฝีมือดี จากเหตุการณ์เดียวกัน แต่เป็นเหตุต่างกรรม ต่างวาระ จากคดี “กำนันนก”
ส่งผลให้เก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่จากเดิมที่คาดการณ์กันว่า คู่แข่งที่เบียดกันมาติดๆ ระหว่างเบอร์ 1 คือ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ที่มีอาวุโส อยู่ลำดับ 1 และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่มีอาวุโส ลำดับ 4 ที่คาดกันว่า 1 ใน 2 คนนี้อาจจะมาวินนั้น ไม่แน่เสียแล้ว
ด้วยเหตุ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 ตามมาตรา 78 (1) ระบุว่าชัดเจน จะอยู่ในอำนาจของ นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้คัดเลือกในช่วงบ่ายวันที่ 27 ก.ย.นี้
“บิ๊กรอย” ถูกทาบข้ามห้วยนั่ง “เลขา สมช.”
ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด และจะเกษียณอายุราชการ ในปี 2567 ได้ถูกทาบทามให้ข้ามห้วยไปนั่งเก้าอี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แทน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. นี้เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่เหลืออายุราชการปีเดียวเช่นกัน นั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.ต่อจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน
สำหรับ พล.ต.อ.รอย รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1 เกิดวันที่ 6 ส.ค.2507 จะเกษียณอายุราชการปี 2567 เป็นนักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่น 24 นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 40 ผ่านหลักสูตร FBI และหลักสูตรสืบสวนที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย
เส้นทางรับราชการตำรวจดำรงตำแหน่งสำคัญๆ เช่น ผกก.7 บก.ทล., ผกก.2 บกทล., รองผบก.ทล., รอง ผบก.สบพ., รอง ผบก.ฝรก., ผบก.ทท.รอง ผบช.ก. ขึ้น ผบช.สันติบาล ขยับมาเป็น ผบช.ศึกษา ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร.ดูแลงานด้านความมั่นคง
ว่ากันว่า “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย ถูกฝ่ายการเมืองทาบทามไปนั่งเก้าอี้เลขาธิการ สมช. แต่อาจจะไม่ไป และหากมีการโยกข้ามห้วยจริง โดยเจ้าตัวไม่ยินยอม ก็สามารถใช้สิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ เหมือนกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับ “ถวิล เปลี่ยนศรี” อดีตเลขาธิการ สมช. เมื่อปี 2554 ในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ทั้งนี้รวมเส้นทางชีวิตรับราชการ จาก ผกก.-รองผบ.ตร.ระยะเวลา 21 ปี
“บิ๊กโจ๊ก” จัดเต็มทุกที่ สางคดี “กำนันนก”
อายุเพียง 53 ปี แต่เป็นอาวุโส ลำดับที่ 2 “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. อายุราชการเหลืออีก 7 ปี กว่าครบวาระเกษียณอายุราชการ ปี 2574 ในบรรดาผู้เข้าชิงเก้าอี้ และเป็นที่รู้จักในวงกว้างในแวดวงสื่อ ประชาชน และทุกหน่วยงานภาครัฐ เดินสายขอความร่วมมือไปทุกที่
หลังเกิดเหตุยิง “สารวัตรแบงค์” บิ๊กโจ๊กในฐานะรอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน กำกับดูแลงานสืบสวนของ บก.สส. และงานสืบสวน ในเขตภูธรภาค 1-9 รวมทั้งกำกับดูแลงาน สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, รพ.ตร. เดินทางลงพื้นที่ จ.นครปฐม ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 7 ทันที
ไขปมปริศนาถูกใจสื่อและชาวบ้านที่ตั้งตารอ ภาพจากกล้องวงจรปิด 13 ตัว จาก 15 ตัว “ปาร์ตี้มรณะ” บ้านกำนันนก หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกู้ภาพจากเซิร์ฟเวอร์มาได้จำนวนหนึ่ง ถูกนำมาเปิดเผยให้เห็นบางส่วน จนไปสู่การแจ้งขอกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 17 นาย และอีก 6 นายที่ถูกให้ออกจากราชการไปก่อนหน้านี้
“บิ๊กโจ๊ก” หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์” วันนี้(18 ก.ย.) หลัง ผบ.ตร. มีคำสั่งให้โอนทุกคดีกำนันนก ไปให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่มี “บิ๊กก้อง “พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช” ผบช.ก. ทำคดีต่อว่า คดีนี้มีการโอนไปกองปราบตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุแล้ว
....สิ่งสำคัญที่เห็น คือวิทยาศาสตร์ คือกล้องวงจรปิด จะรู้ว่าคำให้การตำรวจขัดแย้งทั้งหมด คือโกหกทั้งหมด เมื่อคำให้การขัดแย้งข้อเท็จจริง ก็พิจารณาแบบง่ายๆ ใครละเว้น ใครไม่จับกุม ใครจับก่อนเลย ใครบอกว่าช่วยก่อนเลย เรื่องนี้การทำงานของผมไม่มีเคลือบแคลง ไม่มีวาระซ่อนเร้น ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ...การทำคดีมีคนถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง แต่เราต้องยึดผลประโยชน์ของส่วนรวม
ไม่ใช่คดีกำนันนก ที่ “บิ๊กโจ๊ก” ทุ่มสุดตัว แต่ก่อนหน้านี้ ได้จัดเต็มกับคดี “แอม สรารัตน์” ผู้ต้องหา คดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากกรณีใช้สารพิษ โพแทสเซียมไซยาไนด์ ผสมอาหาร เครื่องดื่ม เพื่อปลิดชีพคนใกล้ชิด หวังทรัพย์สิน ล้างหนี้มาแล้ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่น 47 เส้นทางรับราชการจากตำแหน่ง ผกก.- รอง ผบ.ตร. 14 ปี แม้ปี 2563 จะถูกโยกพ้นกรมปทุมวัน ไปนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ (นักบริหารระดับสูง) กลับคืนสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ปี 2564
“บิ๊กต่าย” คู่ชิงลำดับ 3 มือปราบคดีฟอกเงิน
“บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 อีก 3 ปีจะเกษียณอายุราชการ หรือเกษียณอายุราชการในปี 2569 เป็นนายตำรวจที่อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความไว้วางใจ นอกจากเป็นรอง ผบ.ตร.แล้ว ยังเป็นหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ศปปง.ตร.), และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)
เติบโตในงานสายบริหารตามลำดับ ทำหน้าที่ตรวจสอบปรับปรุงแก้ไขระเบียบคำสั่งกฎ ก.ตร. และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการรับบุคคลเข้ามาเป็นตำรวจสัญญาบัตร การบรรจุ แต่งตั้ง ครองยศ รวมถึงการเข้าเรียนหลักสูตร กอส. หลักสูตรการอบรมบุคคลภายใน (ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน) เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอน.) ให้สอดรับกับ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ฉบับใหม่
โรโปคอปสายบุญ “รองต่อ” ต้อง “รอลุ้น”
แม้ขณะนี้คดีกำนันนกจะถูกโอนย้ายมาที่กองปราบปรามแล้วก็ตาม แต่ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ทำหน้าที่กำกับดูแลหน่วยคอมมานโด ปราบปรามมือปืนรับจ้าง และจับกุมผู้มีอิทธิพล อาวุโสลำดับ 4 ที่ยังทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้ต้องหลั่งน้ำตาถึง 2 ครั้งเพราะสูญเสียน้องรักอย่าง “ผกก.เบิ้ม” พ.ต.อ.วชิรา และ “สารวัตรแบงค์” พ.ต.ต.ศิวกร” แต่ก็ยังไม่เสียกำลังใจ
“...ผกก.เบิ้มมันไม่ใช่ตำรวจที่เลว แต่สังคมกลับไปพิพากษาเขา ถามว่าเบิ้ม มันยิงใครหรือเปล่า แล้วเบี่ยงประเด็นไปไหนหรือเปล่า ตำรวจที่ไหนผิดก็ว่ากันไปเป็นชอตๆ พ.ต.ต.ศิวกร เป็นคนดี ถูกคนร้ายยิง ตำรวจต้องไปหาสาเหตุที่ตัวคนร้าย แต่สังคมมาโฟกัสที่ตำรวจ ตำรวจผิดก็ว่าไปตามผิด ตามพยานหลักฐาน แต่อย่ามโนกันไปก่อน แล้วถ้าพยานหลักฐานมันไปแล้วไม่ใช่อย่างที่สังคมกล่าวหา ใครจะรับผิดชอบ”
“โรโบคอปสายบุญ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่ได้เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ แต่เป็นนายร้อยอบรม จบคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เส้นทางรับราชการเป็น ผกก.-รอง ผบ.ตร ระยะเวลา 6 ปี
ยังต้องจับตาว่า คดีกำนันนก จะส่งผลสะเทือนในการชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 14 นี้ จริงหรือไม่
อ่านข่าวอื่นๆ :
บช.ก.รับโอนคดี "กำนันนก" สั่งสอบทุกมิติ
ถกนัดแรก! โอนคดีสารวัตรแบงค์ เปิด 14 รายชื่อ ตร.โดน ม.157