ในงานเปิดตัว iPhone 15 แอปเปิล (Apple) ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเปลี่ยนให้ iPhone หันมาใช้พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C เป็นครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้แอปเปิลได้นำเอาการเชื่อมต่อแบบ USB-C มาใช้กับ iPad รุ่นต่าง ๆ มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้ก็ได้นำไปสู่จุดสิ้นสุดของพอร์ตการเชื่อมต่อ Lightning ที่แอปเปิลใช้มาอย่างยาวนาน ในบทความนี้เราจะชวนมองย้อนประวัติศาสตร์กลับไปว่าแอปเปิลเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ย้อนกลับไปในปี 2007 เมื่อแอปเปิลเปิดตัว iPhone รุ่นแรก แอปเปิลได้ออกแบบ iPhone ให้ใช้การเชื่อมต่อผ่านพอร์ต 30 พิน ซึ่งมีลักษณะเป็นพอร์ตเชื่อมต่อแบบแบนยาว เป็นพอร์ตแบบเดียวกับที่แอปเปิลออกแบบมาให้ใช้งานกับอุปกรณ์เล่นเพลง iPod ซึ่งการนำเอาพอร์ตเชื่อมต่อดังกล่าวมาใช้นั้น เป็นการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) การใช้งานอุปกรณ์ของแอปเปิลให้มีมาตรฐานเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป iPhone ได้ถูกออกแบบให้มีความบางขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงต้องการความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลให้เร็วขึ้น แอปเปิลได้เล็งเห็นว่าพอร์ตแบบ 30 พินนั้น จำเป็นต้องได้รับการออกแบบใหม่ ในงานเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ปี 2012 แอปเปิลจึงได้เปิดตัว iPhone 5 มาพร้อมกับพอร์ตการเชื่อมต่อแบบใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่าเดิม ตั้งชื่อว่า Lightning โดยในงานเดียวกันนี้แอปเปิลยังได้เปิดตัวอุปกรณ์ iPod รุ่นต่าง ๆ ที่เปลี่ยนมาใช้พอร์ต Lightning ด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นแอปเปิลก็นำพอร์ต Lightning มาใช้งานกับอุปกรณ์ต่าง ๆ นอกเหนือจาก iPhone และ iPod เช่น iPad และอุปกรณ์เชื่อมต่อได้แก่ เมาส์และคีย์บอร์ด รวมถึงรีโมตของอุปกรณ์ Apple TV
ในช่วงเดียวกันนั้นเอง Apple ยังได้เป็นผู้ผลักดันมาตรฐานการเชื่อมต่อ USB แบบใหม่ ที่ชื่อว่า USB-C ที่มีขนาดเล็กกว่าพอร์ต USB ปกติ อย่างไรก็ตาม USB-C นั้นเป็นที่นิยมมากในกลุ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ในปี 2016 แอปเปิลได้นำเอาพอร์ต USB-C มาใช้งานบนคอมพิวเตอร์ MacBook Pro รุ่นใหม่ แต่ก็ยังมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนว่า อุปกรณ์ขนาดเล็กอย่าง iPhone และ iPad จะยังคงใช้งานพอร์ต Lightning เช่นเดิม
เวลาผ่านไปพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C ได้เป็นที่นิยมขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มอุปกรณ์ขนาดเล็กอย่างโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต นอกจากนี้ยังได้มีการออกอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่เป็น USB-C มาอีกมากมาย แอปเปิลเองก็เริ่มถูกโจมตีว่าผูกขาดมาตรฐานการใช้งานพอร์ต Lightning ทำให้ iPhone ไม่สามารถใช้งานกับอุปกรณ์หรือสายเชื่อมต่ออื่น ๆ ได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นที่ฟ้องร้องกันในสหภาพยุโรป (EU) ที่ทำให้แอปเปิลเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นแอปเปิลอาจไม่สามารถจำหน่าย iPhone ในกลุ่มประเทศยุโรปได้อีกต่อไป
ในปี 2018 แอปเปิลได้นำเอาพอร์ต USB-C มาใช้งานกับ iPad Pro เป็นครั้งแรก ทำให้หลายฝ่ายมองว่าวันหนึ่งแอปเปิลเองจะต้องนำเอา USB-C มาใช้กับ iPhone จนในที่สุด ปี 2023 แอปเปิลเองก็ได้เปิดตัว iPhone 15 มาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C ในที่สุด และปิดฉากการใช้งานพอร์ต Lightning อย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าหลังจากนี้แอปเปิลก็จะเริ่มทยอยเปลี่ยนพอร์ต Lightning ที่ยังคงหลงเหลือในอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้กลายมาเป็น USB-C
อย่างไรก็ตามเราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าพอร์ต Lightning ที่แอปเปิลใช้นั้นถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแล้ว เนื่องจากถูกใช้งานมาเป็นเวลากว่า 10 ปี แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์หลายสำนักกล่าวโจมตีก็คือ แม้ iPhone 15 จะหันมาใช้พอร์ต USB-C แต่ความเร็วในการเชื่อมต่อยังคงจำกัดอยู่ที่ความเร็วของ USB 2.0 เท่านั้น ต้องเป็น iPhone 15 Pro ที่สามารถใช้งานความเร็วแบบ USB 3.0 ได้
เป็นที่น่าจับตามองอย่างมากว่าหลังจากที่แอปเปิลเปลี่ยนการใช้งานพอร์ตเชื่อมต่อมาเป็น USB-C อนาคตของ iPhone จะเป็นอย่างไรต่อไป
ที่มาภาพ: Apple
--------------------------
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech