วันนี้ (25 ต.ค.66) ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบรางวัลสุดยอด CEO ประจำปี 2023 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เร่งเครื่อง...ติดสปีดเศรษฐกิจไทย” ว่า
ตลอด 10 ปี GDP ไทยเติบโตต่ำที่ 1.8% และหนี้ครัวเรือนขึ้นสูงสุด อีกทั้ง สงครามอิสราเอล-ฮามาส ส่งผลกระทบแรงงานไทย แม้รัฐบาลไทยพร้อมที่จะนำแรงงานไทยกลับ แต่บางส่วนไม่ต้องการกลับเพราะทางนายจ้างอิสราเอลเพิ่มจูงใจทำงานให้เงิน 50,000 บาท ซึ่งสะท้อนความเปราะบางทางเศรษฐกิจว่าไทยจำเป็นต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ต้องเกิดขึ้น ทั้งลดค่าไฟฟ้า น้ำมัน ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าเป็น 20 บาทตลอดสาย
ส่วนระยะกลางและระยะยาวเรื่องเจรจาการค้าระหว่างประเทศไม่ได้ดำเนินการมาหลายสิบปี บริษัทยักษ์ใหญ่กำลังย้ายฐานการผลิต ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำ 10 ปีที่ผ่านมาขึ้น 12 % เท่านั้น จึงตั้งคำถามว่าหลายคนรับได้หรือไม่
นายกฯยังชี้พร้อมแจงการเดินทางไปต่างประเทศไม่ได้เจอผู้นำแต่ละประเทศเท่านั้น แต่ยังได้พบปะนักธุรกิจการค้า เพื่อชักเชิญมาลงทุน โดยมั่นใจการเดินทางครั้งต่อไปไม่เหนียมอายที่จะเชิญนักธุรกิจต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ยืนยันรัฐบาลไม่ได้ทำแต่นโยบายประชานิยม หรือการเสียงด้วยดิจิทัลวอลเล็ต ถ้าไม่กระตุ้นเศรษฐกิจ จะไม่เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลกำลังปรับปรุงเงื่อนไข รัศมีการใช้ 4 กม. และอื่น ๆ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบรางวัลสุดยอด CEO ประจำปี 2023 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เร่งเครื่อง...ติดสปีดเศรษฐกิจไทย”
ขณะที่โครงการแลนด์บริดจ์ไม่ใช่การขุดคอคอดกะ หรือ แบ่งแยกดินแดน แต่เป็นการเชื่อมทางขนส่งระหว่างอันดามันและอ่าวไทย ซึ่งอาจเกิดศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาค ทำให้โลจิสติกส์ทั่วโลกดีขึ้น ทำให้ประเทศไทยน่าลงทุน สร้างฐานการผลิตสินค้าหลายชนิด
นอกจากนี้ ในการประชุมเอเปกเดือนหน้านายกฯย้ำที่จะพยายามดึงนักลงทุนต่างประเทศ โชคดีที่จะได้พบกับ "ทิม คุก" CEO Apple และได้ยืนยันความตั้งใจและจริงใจที่ไม่ต้องการให้ประเทศไทยตกอยู่ในระดับประเทศรายได้ปานกลาง ย้ำจะยกระดับชีวิตและความเป็นอยู่ให้ประชาชนดีขึ้น
ขณะที่ภายหลังการกล่าวปาฐกถาพิเศษ นายกฯได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในหลายประเด็น โดยนายเศรษฐา กล่าวถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ในครั้งต่อไปว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบต้องถามทางนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ส่วนการกำหนดไทม์ไลน์นั้น หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.66) ได้คุยเบื้องต้น ซึ่งทีมงานได้คุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหาวิธีการปรับแต่งเติม ตามที่ทุกภาคส่วนเสนอแนะเข้ามา ซึ่งเดี๋ยวต้องขอเจอก่อน
ส่วนที่นายกฯได้กล่าวบนเวทีปาฐกถาว่าจะต้องมีการปรับเงื่อนไขในส่วนของคนรวยนั้นเป็นอย่างไร นายกฯ ระบุว่า ตนรับฟังอยู่ และจะต้องมีการปรับตรงนี้ โดยกำลังหาคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายว่า คนรวยคืออะไร พร้อมน้อมรับคำแนะนำจากผู้ว่า ธปท.อยู่แล้วว่า ควรที่จะเจาะจงมากขึ้น บางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อนอาจไม่ต้องรับซึ่งรับฟังอยู่
นายกฯยังตอบคำถามถึงข้อเสนอที่ขอให้รัฐบาลทบทวนการจ่ายเงินเป็น 3 งวดแทนงวดเดียวว่าจะนำมาพิจารณาหรือไม่ ซึ่ง นายกฯ ระบุว่าพิจารณาแล้วก็คงคิดว่าไม่เอา ซึ่งจะยังคงจ่ายรวดเดียว เพราะอยากให้กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งเดียวเนื่องจากเป็นเม็ดเงินจำนวนมากซึ่งจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน
ส่วนกรณีที่มีประเด็นว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่ออกตัวในโครงการดังกล่าว ในที่ประชุมมีความเห็นอย่างไร ซึ่งนายกฯ ระบุว่า ก็ไม่มีใครมีปัญหา พร้อมยืนยันว่าสนับสนุน
เมื่อถามถึงกรณีที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตถึงทางตันแล้ว เพราะอาจจะขัดต่อกฎหมาย นายกฯ ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด และเมื่อถามย้ำว่านายกฯไม่กังวลในประเด็นดังกล่าวใช่หรือไม่ ซึ่ง นายกฯ ระบุว่า ไม่ครับ
ส่วนที่มีหลายฝ่ายเดินหน้าร้องเรียนโครงการดังกล่าวกับองค์กรอิสระจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องชี้แจง เพราะองค์กรอิสระก็ทำหน้าที่ และตนเองก็มีหน้าที่ชี้แจง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชน ย้ำพร้อมปรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต แต่ไม่แบ่งจ่าย 3 งวด เนื่องจากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่า นายกฯจะทำอย่างไรเพื่อให้ประชาชนและมุมดี ๆ ของโครงการดังกล่าวดังกว่าเสียงท้วงติง นายกฯระบุว่า มันไม่เกี่ยวว่า ดังหรือเบากว่าแต่อยู่ที่ว่าความจริงคืออะไร ความจริงคือ 10 ปีที่ผ่านมา GDP ของประเทศไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8% หนี้ครัวเรือนขึ้นจาก 76% เป็น 90% ซึ่งสูงสุดติดท็อปเท็นของโลก เพราะฉะนั้นประเทศไทยจึงต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตนจึงต้องเดินสายชี้แจงและรับฟังข้อท้วงติง และเมื่อมีผู้ไปร้องตนก็ต้องชี้แจง
เมื่อถามย้ำว่านายกฯ มีแผนสองในการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายกฯตอบทันทีว่า ผมไม่ได้มีแผนสอง ผมมีเป็น 10 แผนตามที่เคยกล่าวไปแล้ว เช่น การยกระดับเศรษฐกิจไทย การบริหารจัดการน้ำและหลายอื่น ๆ
ส่วนกระแสข่าวอาจจะเลื่อนการแจกเงินจากวันที่ 1 ก.พ.67 ออกไปนั้น นายกฯ ระบุว่า กำลังดูอยู่ ส่วนจะทันไตรมาสแรกของปี 67 หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า พยายามทำให้เร็วที่สุด ส่วนเม็ดเงินดังกล่าวขอให้มีการประชุมก่อน เพราะคำถามดังกล่าวมีเข้ามาเยอะเหลือเกินหากพูดไปก็จะเกิดความสับสน
เมื่อถามกรณีที่เรียกรัฐมนตรีสัดส่วนพรรคเพื่อไทยไปประชุมบนตึกไทยคู่ฟ้าและมีการกำชับให้ทำงานควิกวิน-ส่งการบ้านภายใน 2 สัปดาห์นั้น นายกฯระบุว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นเรื่องที่เน้นไปในที่ประชุมคณะมนตรีด้วย และมีการเน้นกับ ครม.เพื่อไทย อีกครั้ง เพราะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และอย่างที่บอกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีจำนวนมาก หลายนโยบายแต่ละกระทรวงก็สามารถส่งผลงานกันได้
เมื่อถามว่ารัฐมนตรีแต่ละคน พยายามที่จะเดินหน้าแต่ละงานแล้วใช่หรือไม่ นายกฯระบุว่า เป็นเรื่องภายในขอเก็บไว้ก่อน แต่หวังว่าเขาจะเดินหน้าเต็มที่ หากไม่เดินหน้าเต็มที่ก็คงเป็นหน้าที่ตนในการบริหารจัดการให้เขาเดินหน้าอย่างเต็มที่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
นโยบายต่างประเทศของไทย ความท้าทายในโลกยุคแบ่งขั้ว-เลือกข้าง
ชำแหละนโยบายแจกเงินของญี่ปุ่น ใช้กับไทยได้ผลหรือไม่ ?