วันนี้ (10 พ.ย.2566) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วยนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกันในการแก้ไขปัญหารถบรรทุกวิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยการประชุมใช้เวลา 1 ชั่วโมง
นายชัชชาติ กล่าวว่า การหารือในวันนี้เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหารถบรรทุกที่วิ่งในกทม. ปัญหาหลักๆ จะมี 2 เรื่องคือ วิ่งนอกเวลา และน้ำหนักของรถบรรทุกที่เกินกว่าอัตราที่กำหนด ที่ผ่านมากทม.ไม่เคยจับรถบรรทุกที่ผิดกฎระเบียบมาก่อน
คืนที่ผ่านมาตรวจ ก็พบว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวมีน้ำหนักเกิน จึงได้สั่งการให้มีการตั้งศูนย์ตรวจน้ำหนักรถบรรทุกในพื้นที่กทม. และขอความร่วมมือทางกรมทางหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการ
สภาพรถบรรทุกน้ำหนักเกินตกท่อไปครึ่งคัน
ทั้งนี้ ทางกรมทางหลวงจะสนับสนุนในเรื่องของการให้ความรู้เจ้าหน้าที่ กทม. และอุปกรณ์การชั่งน้ำหนักแบบเคลื่อนที่ ส่วนตำรวจจะดูในเรื่องของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินคดี พร้อมเห็นตรงกันที่จะดำเนินคดีกับเจ้าของรถบรรทุกในการยึดรถทันทีหากพบกระทำความผิด ส่วนคนขับเป็นเพียงคนรับจ้างที่มาขับรถเท่านั้น พร้อมขอให้มีการตั้งด่านชั่งก่อนเข้าพื้นที่ กทม.อีกด้วย
อ่านข่าว สิบล้อขนดินทำถนนทรุด หนัก 37 ตัน เกินมาตรฐาน - แจ้ง 2 ข้อหาคนขับ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
"ชัชชาติ" เล็งประสานติด GPS รถบรรทุกคัน
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กำลังประสานกับทางกรมขนส่งทางบกในการให้ติด GPS รถบรรทุกทั่วประเทศ เพื่อจะสามารถตรวจสอบว่ารถบรรทุกดังกล่าวนั้นขับเกินเวลาหรือไม่ และจะสามารถตรวจได้ว่าน้ำหนักเกินหรือไม่ แต่ประเด็นนี้ยังเป็นเพียงข้อเสนอแนะเท่านั้น ยังตัองมีการหารือร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจได้รับข้อมูลจากทาง กทม. พบว่ามีไซต์งานก่อสร้างทั่วกทม.กว่า 300 แห่ง และจะสุ่มออกตรวจร่วม หารถบรรทุกที่น้ำหนักเกินและปฏิบัติผิดระเบียบจะต้องถูกยึดรถและดำเนินคดีทันที
อ่านข่าว เจ้าของรถขนดินตกท่อ ให้ปากคำตร.-บช.น.สอบส่วยสติกเกอร์
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.
ส่วนความคืบหน้าคดีรถบรรทุกที่ตกบ่อการไฟฟ้านครหลวงในพื้นที่ สน.พระโขนงขณะนีัได้มีการเรียกเจ้าของรถมาสอบปาก และได้ยึดรถของกลางไว้แล้วเช่นกัน และจะทำคดีนี้เป็นคดีตัวอย่างที่จะเห็นว่า เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเอาจริงกับการกวดขันเรื่องน้ำหนักรถบรรทุก
กรณีเรื่องส่วยสติกเกอร์ ไม่ได้อยู่รับผิดชอบในส่วนงานนี้ ต้องไปถามทาง ผบ.ตร.ว่ามอบหมายใครให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว
เร่งเพิ่มด่านช่างน้ำหนักอีก 85 ด่าน
ด้านนายสราวุธ กล่าวว่า กรมทางหลวงมีหน้าที่ในการดูแลถนนทั่วประเทศประมาณ 52,000 กม. จากทั้งหมด 700,000 กิโลเมตร ปัจจุบันมีด่านชั่งน้ำหนักถาวรอยู่ประมาณ 101 ด่านบนถนนสายหลัก แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ และกำลังอยู่ระหว่างศึกษาทำด่านชั่งน้ำหนักถาวรเพิ่มอีก 85 ด่านในอนาคต ซึ่งในแต่ละปีอาจมีเพิ่ม 2-3 ด่าน ในเส้นทางคมนาคมหรือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ
ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนในเส้นทางอื่นๆ เช่น เส้นทางรอง เรื่องของรถบรรทุกน้ำหนักเกิน โดยได้ส่งรถชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ไปตรวจจับได้ถึงปีละ 3-4 พันคัน และยังพบว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายอยู่
จึงอยากขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลในเส้นทางรองด้วย ซึ่งครั้งนี้ รองผบ.ตร. และ ผู้ว่าฯ กทม. ขอความร่วมมือกรมทางหลวง ซึ่งมีภารกิจหน้าที่ในการตรวจชั่งน้ำหนักรถอยู่แล้ว ก็จะใช้เทคโนโลยีของ AI ที่มีอยู่แล้ว 42 แห่ง ทั่ว กทม. เข้ามาช่วยตรวจจับ
หากพบว่ามีแนวโน้มบรรทุกน้ำหนักเกิน ก็จะเข้าดำเนินการจับกุมทันที หรือข้อเสนอจาก ผู้ว่าฯ กทม. ในการติดตั้ง GPS ที่รถบรรทุกทุกคัน ก็จะทำให้สามารถทราบเส้นทางได้ว่ารถวิ่งไปที่ไหนบ้าง
เบื้องต้น ได้มีการหารือกับสมาคมรถบรรทุกแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์อื่นๆ ให้ช่วยดูแลควบคุมสมาชิกให้ปฏิบัติตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังจะเพิ่มมาตรการความเข้มข้นในการตรวจจับรถบรรทุกให้ครอบคลุม
รวมถึงหารือจัดตั้งงบป เพิ่มด่านชั่งน้ำหนักถาวรในเส้นทางอื่นๆ และบริเวณหน้านิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อประหยัดเวลาการตรวจจับบนท้องถนนได้ด้วย
อ่านข่าว
ขีดเส้น 3 วัน! ผบ.ตร.สั่งสอบ สน.พระโขนง เอี่ยวส่วยสติกเกอร์หรือไม่
ปธ.สหพันธ์ขนส่งฯ ระบุ “สิบล้อดาวเขียว” ตกท่อ น้ำหนักเกิน-สงสัยจ่ายส่วย