วันนี้ (23 พ.ย.2566) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล เสนอต่อที่ประชุมกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เรื่องปัญหาประกาศของกรมบัญชีกลาง ในการขึ้นทะเบียนผู้รับเหมาก่อ สร้างที่เอื้อให้เกิดการผูกขาดในกลุ่มผู้รับเหมาชั้นพิเศษ และฮั้วประมูล ซึ่งปกติมีการจัดลำดับอยู่แล้ว ในอดีตคือชั้น 2 ชั้น 1 ชั้นพิเศษ และปัจจุบันเพิ่มชั้น 1 ก ก่อนชั้นพิเศษ
นายวิโรจน์ กล่าวว่า พบว่าการประมูลหรือการประกวดราคา ในโครงการก่อสร้างทางที่มีมูลค่าตั้งแต่ 500 ล้านบาทขึ้นไป ราคาชิดราคากลางอยู่ที่ร้อยละ 0.24-0.36 ขณะที่โครงการที่มีมูลค่าย่อมลงมา มูลค่า 450-500 ล้านบาท ราคาประมูลห่างจากราคากลาง มีภาวะแข่งขันกันสูงมากอยู่ที่ 19-20% ชี้ว่าเป็นความผิดปกติ
พบว่าผู้รับเหมาชั้นพิเศษในการก่อสร้างทางมีอยู่ 76 ผู้รับเหมา จึงอยู่ในสภาวะการกึ่งผูกขาดและไม่ต้องฮั้วประมูลหากมีเพียงเจ้าหน้าที่ 1 คน ก็สามารถฮั้วประมูลได้แล้ว จึงเสนอให้กรมบัญชีกลาง พิจารณาแก้ไขประกาศที่เสมือนเป็นเนื้อสนิมในตัวเองของกรมบัญชีกลาง หากมีการแก้ไขการประมูลโครงการต่างๆ ก็จะมีการแข่งขันกันมากขึ้น ประเทศชาติก็จะได้รับประโยชน์
ประเมินไว้ว่าปีหนึ่ง จะได้งบประมาณกับคืนมา 4,700-5,600 ล้านบาท ในเรื่องของการสร้างทาง
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล
ขู่ฟ้องป.ป.ช.หากยังไม่แก้ประกาศเอื้อนายทุน
สำหรับข้ออ้างจากกรมบัญชีกลางว่าผู้รับเหมาชั้นพิเศษจะต้องมีเงื่อนไขเพิ่มขึ้นนั้น เพื่อจะได้ทำงานได้ นายวิโรจน์ กล่าวว่า การก่อสร้างทางไม่ว่าจะเป็นถนนคอนกรีต ถนนลาดยาง มูลค่าโครงการที่สูงกว่า สะท้อนได้ว่าเป็นถนนที่เส้นยาวกว่า หรือจำนวนเลนที่มากกว่าเท่านั้น แต่สเปกในการก่อสร้าง ยังคงเหมือนเดิมจึงไม่ได้มีความจำเป็น
ปัญหาที่ได้ชี้ชัดคือการเลื่อนจากผู้รับเหมาชั้น 1 ไปเป็นผู้รับเหมาชั้นพิเศษนั้นเป็นไปได้ยากมากด้วยหลักเกณฑ์ว่าใน 6 ปี จะต้องมีผลงาน 1 โครงการ ที่มีมูลค่า 450 ล้านบาทขึ้นไป
ขณะที่ข้อกำหนดของกรมบัญชีกลางระบุว่า การประมูลงานได้เจ้าหนึ่งไม่เกิน 500 ล้านบาท ซึ่ง 1 ก.แก้และกำหนด การประมูลงานอยู่ที่มูลค่า 600 ล้านบาท แต่เดิมกำหนด 450-500 ล้านบาท ช่องว่างตรงนี้มันแคบจะมีผู้รับเหมาเข้ามาฟันราคา ทางผู้รับเหมาชั้นพิเศษ เพื่อกันไม่ให้ผู้รับเหมาชั้นหนึ่งได้งานเกิน 450 ล้านบาท ที่จะนำไปยื่นขอเลื่อนเป็นผู้รับเหมาชั้นพิเศษ
ทั้งนี้ สส.พรรคก้าวไกล จะเสนอทางออก คือการแก้ไขประกาศที่ตัวเลขเงื่อนไขผลงานโครงการ 1 โคงการในห้วง 6 ปี ที่กำหนดไว้ที่ 450 ล้านบาท แก้เป็น 250 ล้านบาท ซึ่งการเลื่อนระดับชั้นก่อนหน้าที่จะมีการแก้ไขให้มี ชั้น 1 ก จะมีสัดส่วน เช่น วงเงินประมูล 500 ล้านบาท จะต้องนำผลงาน 250 ล้านบาท
แต่ผู้รับเหมาชั้น 1 ประมูลงานมูลค่า 500 ล้านบาท แต่จะขยับขึ้นเป็นผู้รับเหมาชั้นพิเศษจะต้องใช้งานมูลค่า 450 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะการเลื่อนชั้นลำดับจากชั้น 2 มาชั้น 1 จะต้องใช้มูลค่าโครงการครึ่งหนึ่ง ของผู้รับเหมาที่ประมูลได้
นายวิโรจน์ ระบุว่า จากประกาศของกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2560 ได้เคยให้ความเห็นไว้ในขณะนั้น มีการแก้ไขปรับปรุง จนมีการปรับระดับผู้รับเหมาชั้น 1 ก แต่ชี้ว่าการแก้ไขดังกล่าวไม่สะเด็ดน้ำ และไม่ตรงจุด
จึงเชื่อว่าการเสนอครั้งนี้จะอยู่ในวิสัยที่จะมีการแก้ไขปรับปรุงประกาศ หากไม่มีการแก้ไข และในข้อมูลที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการฮั้วประมูลการสร้างทาง หากมีการฮั้วประมูลคนที่ออกกฎจะถือว่ารู้อยู่แล้วว่ากฎระเบียบดังกล่าวเอื้อให้เกิดการฮั้วประมูล ทั้งที่รู้แต่ยังไม่แก้ไขก็จะไปร้อง ป.ป.ช.ต่อไป