วันนี้ (1 ธ.ค.2566) ช่วงเย็นที่ผ่านมาเกิดเหตุ รถประจำทาง สาย 40 เสียหลักชนรถคันอื่นๆ ที่จอดติดการจราจรอยู่บนถนนพญาไท บริเวณตรงข้ามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท ส่งผลให้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถสามล้อรับจ้าง รวมทั้งหมด 20 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล 14 คัน รถแท็กซี่ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และรถโดยสารประจำทาง 1 คัน ตำรวจและอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เร่งให้การช่วยเหลือ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน นำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง
ขณะที่ตำรวจนครบาลปทุมวัน เร่งลงพื้นที่ตรวจพร้อมประสานรถยก เพื่อเปิดเส้นทางการจราจรอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นมีรถชนกันจำนวนหลายคัน ส่งผลให้การจราจรบนถนนพญาไท ต่อเนื่องถนนพระรามสี่ ขาเข้าติดขัดเป็นอย่างมาก โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนจะเปิดทางสัญจรได้เป็นปกติ ส่วนผู้เสียหายทั้งหมดรวมถึงพนักงานขับรถโดยสารประจำทางตำรวจเชิญตัวไปที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวันเพื่อสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
นายอำพร คนขับรถแท็กซี่ ที่ได้รับความเสียหาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่าขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่จราจรติดขัด ก็มีรถโดยสารประจำทางสาย 40 พุ่งเข้ามาชนท้ายอย่างแรง ก่อนที่จะดันรถของตัวเองไปชนรถคันอื่นๆ ที่จอดอยู่ใกล้เคียงกัน จนทำให้มีผู้เสียหายจำนวนหลายคัน เมื่อสอบถามพนักงานขับรถโดยสารประจำทาง ได้บอกเพียงสั้นๆ ว่ามีปัญหาในเรื่องระบบเบรก ทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ก่อนพุ่งชนรถคันที่จอดอยู่ข้างหน้า
น.ส.ปรรณพัชร์ อายุ 37 ปี หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลมาที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เล่าเหตุการณ์ในช่วงเกิดเหตุว่า ขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน รถติดอยู่บนถนนพญาไทได้ยินเสียงดังมาจากรถคันข้างหลังก่อนที่รถของตัวเองจะถูกชนมาเกือบทุกทิศทาง ทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวา เนื่องจากถูกอัดติดกับตัวรถไม่สามารถออกจากรถได้ในขณะนั้น อีกทั้งรถของตัวเองเกิดหม้อน้ำแตกทำให้เกิดควันบริเวณห้องเครื่องรถยนต์ ยิ่งทำให้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่กู้ภัยจะเข้ามาช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาล
ด้าน พ.ต.อ.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำพนักงานขับรถโดยสารสาย 40 เบื้องต้นให้การว่า เพิ่งขับรถเมล์ได้ 2 เดือน ระหว่างเกิดเหตุเกิดตกใจจึงพยายามเหยียบเบรก แต่เผลอไปเหยียบคันเร่ง จนทำให้รถพุ่งไปจอดรถคันที่จอดติดการจราจรอยู่ด้านหน้า
ซึ่งก่อนหน้านี้คนขับมีประสบการณ์ขับรถโดยสารประจำทางมานานกว่า 20 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งตรวจสอบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและได้รับเสียหายทั้งหมดจำนวนกี่คน
เบื้องต้นพิจารณาแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทางบริษัทรถโดยสารประจำทางมีอยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างประกันรถคันอื่น ๆ ของผู้เสียหาย เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ด้านทางบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ได้ทำหนังสือชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า สาเหตุของการอุบัติเหตุครั้งนี้ ทางบริษัทได้ตรวจสอบหลักฐาน พร้อมสอบถามข้อมูลกับพนักงานขับรถวัย 60 ปี แล้ว และได้ยอมรับว่า เผลอเหยียบคันเร่ง แทนการเหยียบเบรกรถ ทำให้รถเกิดพุ่งไปกระทบกับรถด้านหน้า จนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
โดยตัวรถนั้นไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด ทางบริษัทฯ จะดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด และลงโทษพนักงานขับรถตามมาตรการขั้นเด็ดขาด พร้อมกำชับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการที่ดีขึ้น ด้วยการคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
ด้านการช่วยเหลือช่วงเวลาเกิดเหตุ ทางบริษัทได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันที เพื่อรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด พร้อมประสานประกันภัยเข้าดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ขณะเดียวกันทางบริษัท ขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอแสดงความรับผิดชอบ ดูแลค่าเสียหายให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบทุกรายอย่างเต็มที่
อ่านข่าวอื่นๆ :
ศาลยุติธรรม แจง "แป้ง นาโหนด-นายจรวด" คดีพยายามฆ่า-ชิงตัวประกัน