วันที่ (2 ธ.ค. 2566) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เพื่อสร้างสัมพันธ์ทางการค้าและยกระดับเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์ได้หารือผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจ และการพาณิชย์ (EABC) จำนวน 39 ราย จาก 24 บริษัท ในการสร้างความเชื่อมั่น และดึงดูดการลงทุนของบริษัทชั้นนำจากยุโรป
คณะนักธุรกิจ EU-ABC และ EABC เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ของยุโรปทำธุรกิจในอาเซียนและในไทย เช่น แอร์บัส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มิชลิน ฟรีซแลนด์-คัมพีน่า ดีเอชแอล พรูเดนเชียล โนวาร์ตีส
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับแผนจัดทำความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA กับ สหภาพยุโรป หรืออียู มีเป้าหมายสรุปการเจรจาให้ได้ภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มศักยภาพการค้าการลงทุนระหว่าง ไทยและอียู และแผนทบทวนและปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย สร้างระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจการลงทุน เพื่อรองรับการเปลี่ยน แปลงของสถานการณ์โลก
อย่างไรก็ดี การปฏิบัติตามกฎระเบียบการค้าใหม่ ๆ ทุกประเทศและทุกฝ่ายควรร่วมกันอย่างฉันมิตร คำนึงถึงข้อเท็จจริง และระดับความแตกต่าง มีความยืดหยุ่นเพื่อให้แต่ละประเทศมีระยะปรับตัว โดยให้ความสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ-เอกชน และเอกชน-เอกชน อย่างใกล้ชิด
ในส่วนผู้แทนภาคธุรกิจของฝั่งยุโรปพร้อมสนับสนุนและผลักดัน FTA ไทย–อียู กลับมาเจรจาอีกครั้ง และได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจและอำนวยความสะดวกทางการค้าให้ภาคเอกชน
ทั้งนี้ อียูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทย รองจากจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-ต.ค.) ไทยและอียูมีการค้าระหว่างกันรวม 35,013.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือจำนวน 1,206,685.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 1.96 มีสัดส่วนการค้ารวมคิดเป็นร้อยละ 7.30 ของการค้าทั้งหมด ของไทยกับโลก
ไทยส่งออก 18,247.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 624,969.91 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 4.42 และนำเข้า 16,765.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือจำนวน 581,715.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 9.94 ได้เปรียบดุลการค้า 1,482.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 43,254.23 ล้านบาท
โดยสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาง
ส่วนสินค้านำเข้าประเภท เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรม และเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์
ทั้งนี้ไทยตั้งเป้าสรุปผลการเจรจา FTA ไทย-อียู ภายใน 2 ปีข้างหน้า หรือปี 2568