รู้จัก “บอสจีนดำ”
“บอสจีนดำ” เป็นชื่อเรียกกลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีนรายใหญ่กลุ่มหนึ่งในกัมพูชา 10 เดือนมาแล้วที่เจ้าหน้าที่ติดตามสืบสวนพฤติกรรมหลอกลวงออนไลน์ของสแกมเมอร์กลุ่มนี้ ทั้งสกัดข้อมูลจากคำให้การผู้เสียหาย และหลักฐานต่างๆ จนเห็นภาพเครือข่ายนี้ชัดเจนขึ้น ทั้งพิกัดที่ตั้งสถานที่ทำงานคอลเซนเตอร์ รูปแบบการล่อลวงคนไปทำงาน กลโกงหลอกให้โอนเงิน รวมทั้งวิธีการที่นายจ้างใช้บังคับให้ทำงาน
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวตนผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 3 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 2 คน และคนจีน 1 คน
ข้อมูลจากกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม - เดือนตุลาคม 2566 มีคนไทย 125 คน ได้รับการช่วยเหลือจากอาคาร 4 แห่ง ในเมืองปอยเปต และ เมืองซวายเรียงของกัมพูชา ทั้งหมดเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ทั้งรูปแบบงานไม่ตรงปก ถูกข่มขู่ กักขังหน่วงเหนี่ยว หลอกทำงาน ทำร้ายร่างกาย และให้ใช้ยาเสพติด โดยพบว่าหนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 10 ขวบ
ถูกหลอกไปเป็นสแกมเมอร์ ทั้งคอลเซนเตอร์ หลอกให้รักชักชวนให้ลงทุน หรือ โรแมนซ์สแกม พวกเขาถูกกักขัง บังคับข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย และให้ใช้ยาเสพติด ยิ่งถ้าเป็นเด็กหรือเยาวชนที่ถูกล่อลวงไปทำงาน ก็จะถูกล่วงละเมิด หากขัดขืนอาจถูกส่งตัวไปแหล่งค้าบริการ
ข้อมูลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า นายใหญ่และผู้ดูแลสาขาต่างๆ ของเครือข่าย"บอสจีนดำ" เป็นคนจีน บางสาขาจ้างคนไทยเป็นหัวหน้าควบคุมแรงงานไทยอีกทอดหนึ่ง โดยให้กินเปอร์เซ็นต์จากค่าหัว และส่วนแบ่งจากเงินที่หลอกลวงมาได้ ส่วนนายหน้าที่จัดหาคนไทยไปทำงาน พบว่า เป็นคนไทย
"ซวายเรียง" ฐานคอลเซนเตอร์ “บอสจีนดำ”
อาคาร 8 ชั้น ในเขตบาเวต จังหวัดซวายเรียง เมืองกาสิโนชายแดนติดประเทศเวียดนาม เป็นพิกัดที่คนไทยกว่า 40 คน ให้ข้อมูลตรงกันหลังได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศไทย ว่าพวกเขาเคยถูกบังคับทำงานคอลเซนเตอร์หลอกคนโอนเงินให้นายจ้างชาวจีน
ที่นั่นมีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ประตูรั้วเข้าออกอาคารมีคนเฝ้าตรวจตราเข้มงวดตลอดเวลา หนึ่งในนั้นเป็นกิจการของเครือข่าย “บอสจีนดำ” ที่มาเปิดสาขาอยู่ในตึกแห่งนี้
1 ในคนไทย ที่ได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มบอสจีนดำ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ให้ข้อมูลว่า ถูกหลอกไปทำงานคอลเซนเตอร์ที่ตึกนี้นานเกือบเดือน เขาตัดสินใจขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตไทยในกัมพูชา ตั้งแต่ 2 วันแรกที่ถูกส่งตัวมาที่ตึกนี้ เพราะไม่อยากทำงานที่ต้องหลอกลวงคนไทยด้วยกันเอง
ในตึกมี 8 ชั้น สถานที่ทำงานอยู่ชั้นที่ 6 เป็นออฟฟิศ เหมือนออฟฟิศพนักงานทั่วไป มีคนต่างชาติเยอะ มีคนเวียดนาม คนจีน แล้วก็คนไทย ถ้ารวมทั้งตึก จะมีรวมกินข้าวในช่วงเบรกประมาณ 300-500 คน
เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และมูลนิธิอิมมานูเอล องค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างประเทศ ระบุว่า เมืองซวายเรียง กำลังเติบโตในฐานะฐานปฏิบัติการแห่งใหม่ของขบวนการคอลเซนเตอร์
อาคารให้เช่าจำนวนมาก เต็มไปด้วยธุรกิจคอลเซนเตอร์ที่มีชาวจีนเป็นเจ้าของ นอกเหนือไปจากที่ตั้งฐานสแกมเมอร์ในเมืองใหญ่ 5 แห่งของกัมพูชา คือ เขตปอยเปต สีหนุวิลล์ ดาราสาครเบย์ เกาะกง และพนมเปญ
เขาให้เฟซบุ๊กมาเปลี่ยนตัวตนเป็นบุคคลสมมุติ มี 4 เฟซเป็นผู้ชาย อีก 4 เฟซเป็นผู้หญิง ให้คุยเหมือนลักษณะเป็นคู่จีบรักในการหลอกคน หลังจากนั้นหลอกเทรดหุ้นทองคำ ชวนลงทุน แต่ขณะที่ชวน ก็จะมีแอปพลิเคชัน File APK ให้โหลดติดตั้ง ทำให้รู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมด และในการทำธุรกรรมก็เช่นกัน
เจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่าเฉพาะที่เขตบาเวต มีฐานคอลเซนเตอร์ของกลุ่มบอสจีนดำ 3 แห่ง เน้นรูปแบบการหลอกให้รักผ่านโปรไฟล์ลวง แล้วชวนร่วมลงทุน ทุกอาคารทำงานจะมีเจ้าหน้าที่ รปภ. ตรวจสอบการเข้าออกอย่างเข้มงวด
มีคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานให้กลุ่มสแกมเมอร์บอสจีนดำ ได้รับการช่วยเหลือรวม 125 คน ทั้งหมดเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากขบวนการค้ามนุษย์ เป็นผู้เสียหาย อายุ 19-30 ปี จำนวน 93 คน เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 32 คน ในจำนวนนี้เป็นเพศหญิงมากกว่าชาย
2 ปีที่ผ่านมา (ต.ค 2564 - ต.ค. 2566) มีคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่กัมพูชาได้รับความช่วยเหลือกลับมารวมกว่า 2,100 คน เป็นผู้เสียหายคดีค้ามนุษย์กว่า 700 คน