ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จับตาโควิดสายพันธุ์ย่อย "JN.1" ระบาดฤดูหนาว​

สังคม
22 ธ.ค. 66
11:35
10,448
Logo Thai PBS
จับตาโควิดสายพันธุ์ย่อย "JN.1" ระบาดฤดูหนาว​
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
โลกมีเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ให้จับจ้องกันอีกครั้ง "JN.1" ล่าสุดพบในไทยและอีกหลายประเทศในโลกแล้ว โดย WHO จัดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจแล้ว เพราะแพร่ระบาดได้ค่อนข้างเร็ว ยิ่งช่วงที่ซีกโลกเหนือกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว มีเชื้อโรคอื่นๆ ระบาดพร้อมกัน

วันนี้ (22 ธ.ค.2566) โควิด-19 สายพันธุ์ JN.1 พัฒนาต่อเนื่องมาจากสายพันธุ์ย่อยโอมิครอนอย่าง BA.2.86 อีกทีหนึ่ง ถ้ายังจำกันได้ BA.2.86 สร้างความกังวลอยู่ระยะหนึ่ง เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนามหลายจุด แต่ก็ปรากฏว่าไม่ได้เกิดการระบาดเป็นวงกว้าง ตอนนี้ JN.1 พบการกลายพันธุ์มากกว่าที่เคยพบใน BA.2.86

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้สายพันธุ์ย่อย JN.1 เป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจเมื่อวันอังคารที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่กระจายที่พบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโปรตีนหนาม ใน JN.1 ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนกังวลเพราะเป็นส่วนที่ไวรัสใช้เป็นกุญแจ เจาะปราการของเซลล์ในร่างกายของเรา เมื่อโปรตีนหนามเปลี่ยนไปจากเดิม ที่ร่างกายเคยเรียนรู้วิธีป้องกัน อาจจะยากขึ้นต่อการรับมือ แต่ถึงอย่างไรผู้เชี่ยวชาญย้ำว่า วัคซีนยังคงช่วยป้องกันการป่วยหนักได้

ข้อมูลจาก WHO ระบุว่า เมื่อต้นเดือน พ.ย. พบว่า การระบาดของ JN.1 คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 3 ของการติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก แต่เพียง 1 เดือนให้หลัง สัดส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 27.1 WHO ประเมินว่า สายพันธุ์ย่อย JN.1 อาจทำให้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะที่เข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งตอนนี้มีรายงานพบสายพันธุ์ย่อยนี้แล้วในอย่างน้อย 41 ประเทศ

อีกประเทศหนึ่งที่หน่วยงานสาธารณสุขเริ่มสนใจการระบาดของสายพันธุ์ย่อย JN.1 คือ อินเดีย โดยเฉพาะที่รัฐเกรละ ซึ่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาทางการเพิ่งออกมาเตือน ให้ประชาชนเฝ้าระวัง โดยยังไม่ต้องตื่นตระหนก หลังพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,300 คน และมีรายงานผู้เสียชีวิต 4 คน แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้น มาจากการตรวจหาเชื้อที่มากขึ้น และยังไม่ชัดเจนว่าสายพันธุ์ย่อย JN.1 คิดเป็นสัดส่วนมากน้อยเท่าไร เพราะยังไม่มีการตรวจวิเคราะห์สายพันธุ์ไวรัสที่มากพอ

ในจำนวน 41 ประเทศที่พบสายพันธุ์ย่อย JN.1 ที่ซึ่งมีสัดส่วนการระบาดของ JN.1 มากที่สุด ได้แก่ ฝรั่งเศส สหรัฐฯ สิงคโปร์ แคนาดา อังกฤษ และ สวีเดน

สำหรับสหรัฐฯ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค พบว่าสายพันธุ์ย่อยนี้ระบาดมากเป็นอันดับที่ 2 จากการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 26 พ.ย. - 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา และมักกระจุกตัวอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า อาการของโรคแตกต่างจากสายพันธุ์อื่นหรือไม่ แต่เบื้องต้นยังไม่มีสัญญาณว่ารุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น

ผู้เชี่ยวชาญหลายประเทศตั้งข้อสังเกตว่า ที่จำนวนการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอาจเพราะเกิดในฤดูหนาวของซีกโลกเหนือ ที่มีไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงอาการป่วยอื่นๆ เกิดร่วมด้วย และคนยังเดินทางพบปะกันมากขึ้น ท่ามกลางการฉีดวัคซีนที่อาจจะหละหลวมขึ้นด้วย เช่นเดียวกับการสวมหน้ากากที่ลดลง

สิงคโปร์ เป็นอีกที่ที่พบผู้ป่วยต้องเข้ารักษาตัวใน รพ. ในรอบสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 10-16 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มสูงสุดในรอบปี โดยจำนวนเพิ่มเป็น 965 คน จากสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งมี 763 คน และสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ที่ 460 คน ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อรอบสัปดาห์ที่เพิ่มสูงสุดในปี 2566 สำหรับสัปดาห์ที่ 50 ของปีนี้ อยู่ที่ 58,300 คน

เช่นเคยเมื่อพูดถึงการป้องกัน องค์การอนามัยโลกและหน่วยงานสาธารณสุข ยังคงแนะนำการรักษาสุขอนามัย สวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ และหากฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ที่พัฒนาล่าสุดเพื่อเตรียมร่างกายให้มีภูมิคุ้มกันพร้อมรับมือสายพันธุ์ย่อยที่เกิดขึ้นใหม่ ก็จะช่วยให้ปลอดภัยจากอาการป่วยหนักจากโควิด-19 ได้

อ่านข่าวอื่น : 

ส่อง "หอผู้ป่วยพิเศษ" รพ.ตำรวจ หลัง "ทักษิณ" นอนครบ 120 วัน

"ศรีสุวรรณ" อุปสมบทถวายในหลวง วัดป่ามะไฟ ฉายา "สิริภทฺโท"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง