ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ส่ง 10 เรื่องสนุกในเทศกาลแห่งความสุข "วันคริสต์มาส"

ไลฟ์สไตล์
24 ธ.ค. 66
19:26
1,321
Logo Thai PBS
ส่ง 10 เรื่องสนุกในเทศกาลแห่งความสุข "วันคริสต์มาส"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ในที่สุดเทศกาลวันหยุดก็มาถึงแล้ว! แสงไฟ ต้นไม้ และความสุขกำลังเริ่มต้น ชาวตะวันตกเชื่อว่าไม่มีช่วงเวลาใดของปีที่ดีกว่านี้ ไทยพีบีเอสออนไลน์รวบรวม 10 เรื่องสนุกของเทศกาลคริสต์มาส ที่จะทำให้รู้จักเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองของฝั่งตะวันตกมากขึ้น Let's Celebrates!

1. "Jingle Bells" ไม่ใช่เพลงประจำเทศกาลคริสต์มาส

แต่เป็นเพลงที่ใช้ใน "วันขอบคุณพระเจ้า" แต่งโดย James Lord Piermont ในปี 1857 ใช้ร้องในโบสถ์เทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพลงดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับคริสต์มาสมากขึ้น และปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงวันหยุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.1965 เพลงคริสต์มาสคลาสสิก "Jingle Bells" ถูกเปิดกลางอวกาศในยานอวกาศ Gemini 6A ของ NASA ตามบันทึกของ Guinness World Records ระบุว่าเป็นเพลงแรกของโลกที่ถูกเปิดในอวกาศ

Jingle Bells, Jingle Bells, Jingle all the way!
What fun it is to ride In a one-horse open sleigh.

2. "รูดอล์ฟ" เรนเดียร์จมูกแดง

แต่เดิมนั้น ลุงซานต้า ใช้กวางเรนเดียร์ 8 ตัวในการลากล้อเลื่อน แต่ในคืนวันคริสต์มาสที่มีพายุหิมะโหมกระหน่ำ ทำให้ซานตาคลอสไม่สามารถมองเห็นทางได้ ในขณะนั้น ซานตาคลอสได้เห็น แสงสีแดงสดใส ซึ่งรู้ภายหลังว่าเป็นแสงสีแดงจากจมูกสีแดงของกวางเรนเดียร์ "รูดอล์ฟ" กวางที่ถูกบูลลีจากกวางตัวอื่นที่มีจมูกที่แปลกประหลาด ลุงซานต้าผู้ใจดี จึงขอให้ รูดอร์ฟ ช่วยเป็นกวางนำทางในขบวนรถลาก เพื่อส่องแสงนำทางไปแจกของขวัญให้เด็กๆ จนสำเร็จก่อนถึงเช้าวันคริสต์มาส และให้รูดอล์ฟอยู่ในแถวหน้าสุดอีกด้วย! 

รูดอล์ฟมีเพลงประจำตัวด้วยนะชื่อ "Rudolph the Red-Nosed Reindeer"

3. "ถุงเท้าคริสต์มาส" เริ่มต้นอย่างไร?

เชื่อกันว่าประเพณีนี้เกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ในยุโรป จากตำนานพื้นบ้าน นักบุญนิโคลัส ได้ใส่เหรียญทองไว้ในถุงเท้าของหญิงสาวที่น่าสงสารทั้ง 3 คน เมื่อเวลาผ่านไป ตำนานได้พัฒนาไปสู่กิจกรรมในคืนคริสต์มาสอีฟ เด็กๆ จะแขวนถุงเท้าไว้ข้างเตาผิง หรือ ปลายเตียง เพื่อรอคอยของขวัญเมื่อตื่นเช้าในวันคริสต์มาส

4. ต้นคริสต์มาส Rockefeller Center สัญลักษณ์ของวันหยุด

เมื่อไฟที่ประดับต้นคริสต์มาสที่ Rockefeller Center มหานครนิวยอร์กสว่างขึ้น นั่นคือสัญลักษณ์ของวันหยุดที่ได้เริ่มต้นแล้ว อันที่จริงต้นสนที่ถูกนำมาใช้ เริ่มจากคนงานของ Rockefeller Center ได้รวบรวมเงินเพื่อซื้อต้นสนขนาด 20 ฟุต และช่วยกันตกแต่งด้วยพวงดอกไม้ เพื่อเฉลิมฉลองช่วงวันหยุด จากนั้นก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาทุกปีในช่วงเดือน ธ.ค. ที่จะมีการย้ายต้นสนขนาดใหญ่เพื่อใช้เป็นต้นคริสต์มาสที่ประดับประดาด้วยไฟหลายหมื่นดวง 

ปี 2023 นี้ สามารถชื่นชมความสว่างไสวของต้นคริสต์มาสที่ Rockefeller Center ได้ตั้งแต่ 29 พ.ย.2023-13 ม.ค.2024 ยาวๆ ข้ามปีได้เลย!

ต้นคริสต์มาส Rockefeller Center สัญลักษณ์ของวันหยุด

ต้นคริสต์มาส Rockefeller Center สัญลักษณ์ของวันหยุด

ต้นคริสต์มาส Rockefeller Center สัญลักษณ์ของวันหยุด

5. ไก่งวงบนโต๊ะอาหารค่ำคืนคริสต์มาสอีฟ

คนอังกฤษมีธรรมเนียมการรับประทานไก่งวงในเทศกาลคริสต์มาส มาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16 โดยพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงเป็นกษัตริย์อังกฤษพระองค์แรกที่เสวยไก่งวง ในวันสำคัญของชาวคริสต์นี้ ทำให้นับแต่นั้นเป็นต้นมา "ไก่งวงอบ" จึงกลายเป็นพระเอกบนโต๊ะอาหารค่ำวันคริสต์มาสสำหรับชาวอังกฤษทั่วไป โดยเมนูคริสต์มาสแบบดั้งเดิมของคนอังกฤษ จะประกอบไปด้วย ไก่งวงอบ กะหล่ำดาว มันฝรั่งอบ และไส้กรอกพันด้วยเบคอนที่เรียกว่า "หมูห่มผ้า" 

6. "ปลา" ไม่ใช่สัตว์ใหญ่ในวันคริสต์มาส

มีธรรมเนียมของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในบางภูมิภาค ถือว่าอาหารค่ำวันคริสต์มาสอีฟเป็นอาหารมื้อใหญ่มื้อสุดท้ายก่อนถึงวันคริสต์มาส หรือช่วงถือศีลอด "ซึ่งห้ามทานเนื้อสัตว์ใหญ่" ชาวคริสต์ในแถบยุโรปตะวันออก จึงนิยมรับประทาน "ปลาไน" ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาตะเพียน เป็นปลาที่หาง่าย และมีรสชาติเหมือนปลาค็อดแทน และยังแพร่กระจายไปถึง อิตาลี และ โปรตุเกส อีกด้วย ที่บนโต๊ะอาหารวันคริสต์มาสอีฟมักเสิร์ฟอาหารจากปลาชนิดต่างๆ มากถึง 7 เมนู 

7. เมนูคริสต์มาสจากทั่วโลก 

ที่อังกฤษกินไก่งวงอบ ที่ยุโรปกินปลา แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นนิยมกินไก่ทอด "KFC" โดยชาวอาทิตย์อุทัยมักพาครอบครัวไปฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่ร้านไก่ทอดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เพราะร้านไก่ทอดนี้เข้ามาเปิดตัวในญี่ปุ่นช่วงเทศกาลคริสต์มาส ในปี 1974 ขณะที่ ในฟิลิปปินส์ ผู้คนนิยมทานหมูหันในช่วงคริสต์มาส ชาวโคลอมเบียทานชีสทอดที่ปั้นเป็นลูกกลมๆ ส่วนชาวฮอนดูรัส และนิการากัว มีเมนูเด็ดช่วงคริสต์มาสที่เรียกว่า Nacatamal ซึ่งมีลักษณะคล้ายบ๊ะจ่างของจีน แต่ทำจากแป้งข้าวโพด ข้าว เนื้อสัตว์ และผักต่างๆ

8. ขวบเลิกเชื่อเรื่องซานต้าแล้ว

ข้อมูลจากของ Exeter Santa Survey ประจำปี 2018 ผลสำรวจพบว่า อายุเฉลี่ยที่เด็กๆ เลิกเชื่อตำนานซานตาคลอส-วันคริสต์มาส คือ 8 ปี ซึ่งมีมากถึงร้อยละ 85 เมื่อโตขึ้น เด็กบางคนจะเริ่มปะติดปะต่อความจริงด้วยตนเอง โดยผู้ที่มีส่วนร่วมที่ทำให้เด็กๆ เลิกเชื่อตำนานแห่งความสุขคือ "พ่อแม่" ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนหนึ่งระบุว่า ช่วงอายุ 10 ปี พวกเขาจับได้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาดื่มนมและกินคุ้กกี้ที่เตรียมไว้สำหรับซานต้าและกวางเรนเดียร์ ขณะที่เด็กอายุ 11 ปี ถูกปลุกให้ตื่นเพราะพ่อที่เมามายเผลอทำของขวัญหล่น เสียงดังจนทำให้ตื่น 

นมและคุ้กกี้ คืออาหารที่เด็กๆ เตรียมให้ซานตาคลอส เริ่มจากช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ แต่พ่อแม่ก็พยายามสนับสนุนให้เด็กๆ รักษาจิตวิญญาณแห่งการกุศล มีน้ำใจให้คงอยู่ท่ามกลางความยากลำบากทางการเงิน

9. Xmas ไม่ใช่ตัวย่อของ Christmas

ใครที่คิดมาตลอดว่าตัวย่อของ Christmas คือ "Xmas หรือ X'mas" นั้น ต้องบอกว่าเป็นเรื่องผิดแบบ 100% แท้ที่จริงแล้วคำว่า Xmas มาก่อน Christmas ด้วยซ้ำ ตัว X ในภาษากรีกโบราณแทนตัวอักษรภาษาอังกฤษคือ Chi หรือ "ไค" ซึ่งเป็นตัวอักษรตัวแรกของคำในภาษากรีก Χριστός ซึ่งมีความหมายว่า "คริสต์" ส่วน "mas" มาจากภาษละติน "missa" ที่แปลว่าการส่งออกไป 

แต่การใช้ Xmas มักใช้เชิงที่ไม่เป็นทางการ เขียนในการ์ด หรือเขียนในกระดาษ เพราะส่วนใหญ่แล้ว เจ้าของภาษานั้นๆ มักบอกว่าเป็นการใช้คำที่ไม่ถูกต้องตามหลักภาษาศาสตร์ของภาษาตนเอง The Cambridge Guide to Australian English Usage กล่าวว่า "Xmas" ควรถูกพิจารณาว่าเป็นการสะกดแบบไม่เป็นทางการ และควรสงวนไว้สำหรับบริบทที่ต้องการความสั้นกระชับ เช่น ในพาดหัวข่าวและในบัตรอวยพรเท่านั้น 

10. ใครคือซานตาคลอส?

ตัวจริงของซานตาคลอสเป็นบุคคลที่สร้างขึ้นมาจากจินตนาการของชาวคริสต์มีแรงบันดาลใจมาจาก "นักบุญนิโคลัส" ซึ่งเป็นบาทหลวงในไมรา (ตุรกีในปัจจุบัน) มีชีวิตช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องความใจดี โดยเฉพาะกับเด็กๆ ต่อมาท่านเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วฮอลแลนด์ในชื่อ "ซินเตอร์คลาส" ราว ค.ศ.1870 ชาวอเมริกันเรียกชื่อเพี้ยนไปเป็น "ซานตาคลอส" ชายแก่รูปร่างอ้วนและดูใจดี เขามักใส่เสื้อโค้ทที่ทำจากขนสัตว์สีแดงสด มีขลิบสีขาว ที่เอวคาดเข็มขัดหนังและรองเท้าบูทสีดำ

ซานตาคลอส จะอาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ โดยมีเอลฟ์ ซึ่งเป็นมนุษย์ตัวเล็กที่ช่วยผลิตของเล่นให้เขานำไปแจกเด็กที่เป็นเด็กดี ในคืนวันคริสต์มาส ซานตาคลอสมีพาหนะเป็นเลื่อนหิมะ ที่ลากโดยกวางเรนเดียร์ซึ่งสามารถบินได้ ในกลางดึกวันคริสต์มาส ซานตาคลอสจะแอบเข้าไปในบ้านที่มีเด็กดีทางปล่องไฟ เพื่อนำของขวัญไปใส่ในถุงเท้าที่แขวนรอไว้หน้าเตาผิง

Merry Christmas and Happy Holidays Ho Ho Ho!

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง