วันนี้ (28 ธ.ค.2566) กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับ "การบริหารโทษด้านทัณฑปฏิบัติ" โดยระบุว่า ให้ความสำคัญกับงานด้านทัณฑปฏิบัติ เนื่องจาก งานด้านทัณฑปฏิบัติเป็นงานที่มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังแต่ละราย แต่ละประเภทผู้ต้องขัง ที่แตกต่างกัน
เริ่มตั้งแต่กระบวนการรับตัวผู้ต้องขังไว้ในเรือนจำด้วยระบบการจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง การแยกคุมขังผู้ต้องขังแต่ละประเภท และการให้ประโยชน์แก่ผู้ต้องขังด้านต่าง ๆ เช่น การเลื่อนชั้น การพักการลงโทษ การลดวันต้องโทษ จนถึงขั้นตอนและกระบวนการก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง
สำหรับหลักการบริหารโทษรายบุคคล ด้านทัณฑปฏิบัติที่สำคัญมี 5 ประเภท ประกอบด้วย
อ่านข่าว : กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงการบริหารโทษเกี่ยวกับสถานที่คุมขัง
การจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง (Prisoner classication)
เป็นการศึกษาวิเคราะห์ถึงประวัติ ภูมิหลัง บุคลิกลักษณะ สภาพทั่วไปของผู้ต้องขัง รวมทั้งประวัติการกระทำผิด และสาเหตุแห่งการกระทำผิด เพื่อที่จะสามารถกำหนดแผนปฏิบัติด้านการควบคุมเพื่อกำหนดระดับความความเสี่ยงในการควบคุม แผนปฏิบัติด้านการพัฒนาพฤตินิสัยให้แก่ผู้ต้องขังได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามความต้องการของผู้ต้องขังแต่ละคน และเพื่อประโยชน์ต่อการบริหารโทษในระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำและทัณฑสถาน เมื่อจำแนกลักษณะผู้ต้องขังเพื่อกำหนดแผนการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังเป็นรายบุคคลแล้ว และนำผู้ต้องขังไปรับการปฏิบัติตามแผนที่กำหนดไว้ในเรือนจำอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะนำไปสู่การการบริหารโทษ
การเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาด (Prisoner Promotion)
เป็นมาตรการที่จะช่วยในการปกครองและการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาจัดชั้นนักโทษเด็ดขาดเป็น 6 ชั้น ตั้งแต่ชั้นสูงสุดจนถึงชั้นต่ำสุด ได้แก่ ชั้นเยี่ยม ดีมาก ดี กลาง ต้องปรับปรุง และต้องปรับปรุงมาก ลดหลั่นตามลำดับชั้น
กล่าวคือ ถ้านักโทษเด็ดขาดประพฤติตนดีจะได้รับการพิจารณาเลื่อนชั้นสูงขึ้น และอาจได้รับประโยชน์ในเรือนจำ
เมื่อมีคุณสมบัติและผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ เช่น การพักการลงโทษ การลดวันต้องโทษ การแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยงาน-ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเรือนจำ การจ่ายนักโทษเด็ดขาดออกทำงานสาธารณะนอกเรือนจำ เป็นต้น
ในทางกลับกันหากนักโทษเด็ดขาดคนใดประพฤติตนในเรือนจำไม่เหมาะสมหรือผิดระเบียบวินัยในเรือนจำจะต้องถูกปรับลดชั้นลง และถูกลงโทษ
การลดวันต้องโทษจำคุก (Good-Time Allowance)
เป็นการลดวันจำคุกเพื่อตอบแทนความประพฤติดีของนักโทษเด็ดขาดที่ถูกคุมขังให้ได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนด แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการคุมประพฤติ ถ้าทำผิดเงื่อนไขคุมประพฤติ จะถูกสั่งเพิกถอนการลดวันต้องโทษ และถูกจับกลับมาคุมขัง
ในเรือนจำตามกำหนดโทษที่เหลืออยู่ตามเดิม จึงถือเป็นการบริหารโทษในการให้โอกาสผู้ต้องขังได้กลับคืนสู่สังคมก่อนครบกำหนดโทษจำคุกตามคำพิพากษา ซึ่งการลดวันต้องโทษจำคุกถือเป็นการให้ประโยชน์แก่ นักโทษเด็ดขาดตามมาตรา 52 (5) แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560
กรณีที่นักโทษเด็ดขาดคนใดแสดงให้เห็นว่า มีความประพฤติดีมีความอุตสาหะความก้าวหน้าในการศึกษา และทำงานเกิดผลดีหรือทำความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษ อาจได้รับประโยชน์ในการลดวันต้องโทษจำคุก
อ่านข่าว : เปิดระเบียบกรมราชทัณฑ์ "คุมขังนอกเรือนจำ" ใครบ้างมีสิทธิ
การพักการลงโทษ (Parole)
เป็นการบริหารโทษประเภทหนึ่งในการให้โอกาสผู้ต้องขังได้กลับคืนสู่สังคมก่อนครบกำหนดโทษจำคุกตามคำพิพากษา ซึ่งการพักการลงโทษ ถือเป็นการให้ประโยชน์แก่นักโทษเด็ดขาดตามมาตรา 52 (7) แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 กรณีที่นักโทษเด็ดขาด คนใดแสดงให้เห็นว่ามี ความประพฤติดี มีความอุตสาหะ ความก้าวหน้าในการศึกษา และทำงานเกิดผลดี หรือทำความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษอาจได้รับประโยชน์ในการพักการลงโทษ
การพักการลงโทษ จึงเป็นมาตรการที่กรมราชทัณฑ์ปฏิบัติต่อนักโทษเด็ดขาดที่มีความประพฤติดี ผ่านการอบรมพัฒนาพฤตินิสัยให้ได้รับการปล่อยตัวก่อนครบกำหนดโทษ กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและชุมชนเพื่อให้มีส่วนร่วมในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดภายใต้เงื่อนไขการคุมประพฤติ โดยจะต้องติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) จนกว่าจะพ้นโทษ หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข อาจถูกเพิกถอนพัก การลงโทษและถูกจับกุมตัวเข้ามาคุมขังในเรือนจำอีกครั้งตามกำหนดโทษที่เหลืออยู่ก่อนได้รับพักการลงโทษ
อ่านข่าว : "สมชาย" ชี้ "ทักษิณ" ยังไม่เข้าข่าย "คุมขังนอกเรือนจำ"
การขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย (Individual Royal Pardon)
คือ การยื่น เรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 259 ถึง มาตรา 2567 การขอรับพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย จะได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือไม่เพียงใด ขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัยขององค์พระมหากษัตริย์
โดยผู้มีสิทธิยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ได้แก่ นักโทษเด็ดขาดหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง ดังนี้ นักโทษเด็ดขาด บิดา มารดา คู่สมรส บุตร สถานทูต (กรณีนักโทษชาวต่างชาติ)
ดังนั้น การบริหารโทษผู้ต้องขังรายบุคคล จึงมีความเกี่ยวข้องและดำเนินการร่วมกับระบบงานทัณฑปฏิบัติ โดยเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังตั้งแต่กระบวนการรับตัวผู้ต้องขัง กระบวนการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ในเรือนจำ และกระบวนการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง เพื่อให้ผู้ต้องขังกลับคืนสู่สังคม ไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ โดยใช้เรือนจำเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญในการควบคุม และการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัย เพื่อสร้าง ความปลอดภัยให้แก่ชุมชนและสังคม
อ่านข่าวอื่น ๆ
"ทวี" ไม่ตอบสื่อ "ทักษิณ" เข้าเงื่อนไข "คุมขังนอกเรือนจำ" หรือไม่
โทษ “ยิ่งลักษณ์” เบากว่า “ทักษิณ” เดินตามรอยพี่ชายเพื่อพักโทษ
"เศรษฐา" ไม่ปฏิเสธนายกฯ รวยที่สุด รถหรู 50 ล้าน อยู่ต่างประเทศ