วันที่ (23 ม.ค.2567) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ สส.ของพรรคเพื่อไทยกว่า 120 คน ได้ร่วมกันยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่า ที่ผ่านมา สิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันคือ การทำประชามติครั้งที่ 2 และ 3 ถูกบังคับโดยรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และคำวินิจฉัย 4/2564 ของศาลรัฐธรรมนูญ อยู่แล้ว
ข้อถกเถียงหลัก จึงอยู่ที่การทำประชามติครั้งแรกจำเป็นหรือไม่ เนื่องจากมีการตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่แตกต่างกัน บางฝ่ายมองว่า คำวินิจฉัยกำหนดให้ทำประชามติก่อน ส.ส.ร.จะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญ ขณะบางฝ่าย โดยเฉพาะ สว.มองว่า ต้องทำประชามติก่อนที่จะมีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใดๆ เข้าสู่สภา
อ่านข่าว : "เพื่อไทย" เสนอ แก้รัฐธรรมนูญ ม.256 - ลดทำประชามติเหลือ 2 ครั้ง
นายพริษฐ์ กล่าวยืนยันว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลเห็นด้วยกับที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสนอว่า ตามหลักกฎหมายการทำประชามติ 2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว
ส่วนที่หลายฝ่ายยึดว่า ต้องทำประชามติครั้งแรก อาจมีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเมือง เพราะถ้าเริ่มด้วยคำถามประชามติครั้งที่ 2 จะเริ่มต้นด้วยการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และการตั้ง ส.ส.ร.ไปเลย อาจมี สว.บางส่วนไม่ยกมือให้ โดยอ้างว่าต้องทำประชามติครั้งแรกก่อน
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกล พร้อมให้ความร่วมมือ ต่อไปนี้จะมีโจทย์สำคัญคือ ทั้ง 2 พรรคต้องร่วมมือกันหาแนวทางโน้มน้าวให้สมาชิกรัฐสภาทุกส่วน โดยเฉพาะ สว.เห็นชอบ กับการทำประชามติ 2 ครั้ง
อ่านข่าว : “โครงการแลนด์บริดจ์” โปรเจคใหญ่ “รัฐบาลเศรษฐา” ที่ต้องฟังเสียง "คนเล็กคนน้อย" ในพื้นที่
อีกโจทย์คือในเชิงรายละเอียด ทั้งรูปแบบและที่มาของอำนาจ ส.ส.ร.โดยพรรคก้าวไกลได้เตรียมร่างแก้ไขที่จะยื่นประกบกับร่างของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีทั้งส่วนที่เหมือนกันและแตกต่างกัน
ในส่วนที่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยคือ ส.ส.ร. ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100% และกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ที่ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ร.อยู่ที่ 18 ปี แต่จุดที่เห็นต่างกับพรรคเพื่อไทย คือ ระบบเลือกตั้ง ความเชื่อมโยงระหว่าง ส.ส.ร. กับรัฐสภา และอำนาจของ ส.ส.ร.ในการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งจะใช้กลไกของรัฐสภาในการหาข้อยุติความเห็นต่างเหล่านี้
อ่านข่าว : สว.ยื่น 98 รายชื่อเปิดอภิปรายทั่วไป "รบ.เศรษฐา" - คาดซักฟอก ก.พ.นี้
นายพริษฐ์ ยอมรับว่า มีความเสี่ยงที่ศาลรัฐธรรมนูญ อาจวินิจฉัยจำนวนครั้งที่จะต้องทำประชามติมา จึงมั่นใจว่า ทั้งพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ยังยืนยันในหลักการ ว่าการทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอแล้ว และหวังให้รัฐสภาหาทางออกกันเอง แต่ยังมีช่องให้ผู้ที่เห็นแย้งยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญได้อยู่
สำหรับความเสี่ยงเรื่องเสียงข้างมาก 2 ชั้น ต่อ พ.ร.บ.ประชามติ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังมีอยู่ แต่ในแนวทางการทำประชามติ 2 ครั้ง อาจจะมีแนวทางที่แตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่า คือแนวทางคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่ตั้งคำถามการทำประชามติครั้งแรก ที่สอดไส้เงื่อนไขหมวด 1 และหมวด 2 อาจส่งผลให้การลงคะแนนของประชาชนไม่เป็นเอกภาพ และโอกาสที่การทำประชามติครั้งแรกผ่านลดน้อยลง
อ่านข่าว : “พรเพชร” ชี้ไทม์ไลน์แก้รัฐธรรมนูญยังไม่ชัด
ในส่วนการเสนอร่างแก้ไขมาตรา 256 ไปพร้อมกับการเสนอตั้ง ส.ส.ร. นั้น ทางพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลยืนยันตรงกันว่า ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามให้ทำเช่นนี้ แต่เรื่องนี้ก็เป็นข้อถกเถียงที่เคยทำให้กระบวนการนี้สะดุดไปในปี 2564
พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ต้องจับมือกันให้แน่น เพื่อพยายามช่วยโน้มน้าวให้ สว. รวมถึง สส. จากบางพรรคที่ร่วมรัฐบาลอยู่ หันมาเห็นชอบ และพร้อมยกมือสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 256 และ ส.ส.ร. โดยไม่ต้องทำประชามติก่อน
อ่านข่าวอื่น ๆ
ดีเดย์ 24 พ.ย.นี้ ถกประชามติแก้รัฐธรรมนูญ-ลั่นเคาะจบปีใหม่
รอลุ้น! 35 รายชื่อศึกษาประชามติแก้รัฐธรรมนูญพรุ่งนี้
ไขคำตอบ! พรรคก้าวไกล ประกาศแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ