วันนี้ (29 ม.ค.2567) นพ.จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีนักเรียน 14 ปี แทงเพื่อนในโรงเรียนและมีการอ้างเป็นเด็กพิเศษว่า ในนิยามของเด็กพิเศษ ในวัยเรียนนั้น แยกเป็นเด็ก 3 กลุ่ม ได้แก่
- เด็กสมาธิสั้น มีสติปัญญาเหมือนเด็กทั่วไป แต่อยู่ไม่นิ่ง
- เด็กออทิสติก เด็กที่มีปัญหาเรื่องพฤติกรรม ชอบอยู่คนเดียวเล่นคนเดียว หากมีความโดดเด่นเฉพาะด้าน เช่น วาดภาพ หรือ คณิตศาสตร์
- เด็กไอคิวต่ำ หรือ ปัญญาอ่อน เด็กเหล่านี้ จะปรับตัวเรื่องการเรียนได้ช้ากว่าคนทั่วไป
สำหรับสถิติเด็กพิเศษก่อคดีนั้น นพ.จุมภฏ ยอมรับว่า มีน้อยมาก เพราะเด็กที่มีอาการมาก มักเข้าสู่กระบวนการรักษาไม่สามารถมาเรียนร่วมกับเด็กธรรมดาได้ ยกเว้นเด็กที่มีอาการไม่มาก เช่น สมาธิสั้น สามารถเรียนได้ตามปกติ แต่ชอบแกล้งเพื่อนหรือไม่อยู่นิ่งเท่านั้น
นพ.จุมภฏ กล่าวว่า การอ้างเอาความพิเศษมาเพื่อลดหย่อนโทษนั้น ส่วนใหญ่มักทำในส่วนของผู้ก่อเหตุ แต่ในกระบวนการทางกฎหมาย มีการตรวจสอบถึง 2 ชั้น ในการแยกแยะ ว่า เด็กพิเศษคนนั้นขณะก่อเหตุ สติรับรู้รับผิดรับชอบ หรือไม่ โดยมีทั้งคณะกรรมการสหวิชาชีพพิจารณา และมีผู้พิพากษาพิจารณาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันการยกหรือการอ้างรับผิดชอบจากการกระทำนั้น ๆ
การที่เด็กคนหนึ่งจะก่อพฤติกรรมความรุนแรงได้นั้น ขึ้นอยู่ 3 ปัจจัย ตัวเด็ก ,ผู้ปกครอง และสิ่งแวดล้อม เพราะแค่ลำพังตัวเด็ก มีตั้งแต่กระทำเพราะเจ็บป่วย ยาเสพติด ถูกชักจูง ส่วนในมุมครอบครัวก็อาจเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ
อ่านข่าว : ยังไม่ชัดแรงจูงใจเด็ก 14 ปีแทงเพื่อนร่วมชั้นให้แพทย์วินิจฉัยเพิ่ม
สุญญากาศความปลอดภัยในโรงเรียน หลังยกเลิก "ครูเวร"