วันนี้ (1 ก.พ.2567) หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช นำหลักฐานการสำแดงเท็จ "คดีหมูเถื่อน" ที่ตรวจพบไปมอบให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) ให้ตรวจสอบพยานหลักฐานและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง
นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช เปิดเผยว่า หลังจากมีการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่ลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน จำนวน 161 ตู้ ในคดีพิเศษที่ 59/2566 โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่สุ่มตรวจตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มเติมที่ท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 21 ตู้ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2566 พบว่า 1 ใน 21 ตู้ มีสินค้าไม่ตรงตามที่ผู้นำเข้าได้ขออนุญาตไว้ เป็นชิ้นส่วนหมูปะปนมากับสินค้าประมง ทำให้เกิดข้อสงสัยกรณีการขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมงในลักษณะเดียวกัน
หน่วยเฉพาะกิจพญานาค จึงมอบหมายให้กรมประมงร่วมกับกรมปศุสัตว์ จัดตั้งวอร์รูมตรวจสอบเอกสารและหาข้อเท็จจริงในเชิงลึก ซึ่งเป็นเอกสารประกอบการยื่นขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมงในช่วงปี 2564-2566
จากการตรวจสอบเอกสารขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมงของผู้นำเข้า 11 บริษัทชิปปิ้ง ในคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ พบการยื่นเอกสารประกอบการขออนุญาตนำเข้าสัตว์น้ำมีการใช้เอกสารรับรองสุขอนามัยสัตว์ มีข้อความไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ซึ่งความผิดปกติประกอบด้วย เอกสารประกอบการยื่นขออนุญาตนำเข้าที่นำมาแสดงกับกรมประมง พบว่าเป็นปลาจวดแช่แข็ง แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารย้อนกลับไปยังประเทศต้นทาง พบข้อมูลตามเอกสารจริงมีการสำแดงเป็นชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง
ตลอดจนการระบุหมายเลขรับรองเอกสาร 2 ฉบับต้นทางและปลายทางไม่ตรงกัน ยกตัวอย่าง เอกสารระบุชนิดเป็นปลาจวดแช่แข็งในพิกัดศุลกากร 0303 แต่ข้อมูลจากต้นทางระบุสินค้าเป็นชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งในพิกัดศุลกากร 0203 เป็นต้น ทำให้เชื่อได้ว่ามีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่ในการขออนุญาตนำเข้า
ทั้งนี้ จากการดำเนินงานพบการกระทำความผิดที่เชื่อมโยงกับขบวนการหมูเถื่อนในลักษณะปลอมแปลงเอกสาร จำนวน 20 ฉบับ จากผู้นำเข้า 3 รายใน 11 บริษัทที่เป็นผู้ต้องหาในคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ โดยยื่นให้ตำรวจสวนกลางดำเนินคดี ในความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) และความผิดปลอมแปลงเอกสาร มาตรา 264 ประกอบกับมาตรา 268 ซึ่งจะเป็นคนละคดีและคนละสำนวนกันกับดีเอสไอที่ดำเนินการไปก่อนหน้านี้
รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ย้ำว่า บทบาทของหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ยังเดินหน้าตรวจสอบและกวาดล้างการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรเถื่อนผิดกฎหมาย ล่าสุดได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เสี่ยงซุกซ่อนสินค้าเถื่อน ได้แก่ จ.นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม พบตับไก่และตีนไก่ลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างขยายผลดำเนินคดี และขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ติดตามสืบสวนต้นตอจากการสำแดงเอกสารเท็จกระจายอยู่ทั่วประเทศ
อ่านข่าวอื่นๆ
ดีเอสไอบุกค้น 27 จุด หมายจับ 18 คนเครือข่ายหวยออนไลน์-โกงภาษีน้ำมัน