วันนี้ (1 ก.พ.2567) นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึง ภาพรวมการส่งออกข้าวไทยปี 2566 ไทย ส่งออกข้าวได้ 8.76 ล้านตัน ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 178,136 ล้านบาท (5,144 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)ปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 13.62 และร้อยละ 28.43 ตามลำดับ ตั้งเป้าส่งออกข้าวไทยในปีนี้ จะมีปริมาณ 7.5 ล้านตัน
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามในปีนี้ โดยเฉพาะเอลนีโญ ที่จะส่งผลต่อผลผลิตข้าวของไทย ที่คาดจะลดลงจากปีก่อน ร้อยละ 5.87 และการแข่งขัน และความท้าทายหลายประการ จากปริมาณผลผลิตข้าวโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณอุปทานข้าวโลกเพิ่มขึ้น การนำเข้าข้าวของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลง
โดยส่วนหนึ่งเกิดจากความนิยมของการบริโภคข้าวลดลง ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ทำให้การแข่งขันทางด้านราคารุนแรงขึ้น ขณะที่ไทยมีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง ทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศผู้ผลิตและประเทศผู้ส่งออก เช่น จีน เวียดนาม และอินเดีย
นอกจากนี้มีสัญญาณว่า อินโดนีเซียอาจซื้อข้าวน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เพราะมีข้าวค้างสต็อกจากปี 2566 ค่อนข้างมาก
ขณะที่จีนมีการผลิตข้าวมากขึ้น และเริ่มปรับเปลี่ยนจากการเป็นผู้นำเข้าข้าวให้เป็นผู้ผลิตข้าว ที่เพียงพอต่อการบริโภคของประชากร และอาจส่งออกในอนาคต
นอกจากนี้ อินเดียอาจประกาศยกเลิกการระงับการส่งออกข้าวขาว ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนของอินเดีย กลับมาส่งออกข้าวได้เสรีตามปกติ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนเป็นความท้าทายต่อการส่งออกข้าวไทย
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึง แนวทางการรับมือกับความท้าทายในการขายข้าวให้ประเทศคู่ค้า ในประเด็นที่ราคาข้าวไทยสูงกว่าราคาข้าวของประเทศผู้ส่งออกรายอื่น อันเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตที่สูง
จำเป็นอย่างยิ่งที่ไทยต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก โดยพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่สูงไม่ควรน้อยกว่า ผลผลิตข้าวต่อไร่ ของประเทศผู้ส่งออกรายอื่น ซึ่งปัจจุบันมีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าไทยทั้งสิ้น
ประกอบกับพันธุ์ข้าวต้องมีความต้านทานโรคและแมลงเพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยและการกำจัดแมลง หากไทยไม่มุ่งเน้นพัฒนาปรับปรุงในเรื่องดังกล่าวจะทำให้ไทยเสียเปรียบในการแข่งขันทางการค้าข้าวในตลาดโลกในที่สุด
นายรณรงค์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม กรมฯ พร้อมเดินหน้าทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เพื่อส่งเสริมและผลักดันการส่งออกข้าวไทย ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์
โดยกิจกรรมหลักที่จะจัดขึ้นในปีนี้ คือ การจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ “Thailand Rice Convention (TRC) 2024” ในเดือน พ.ค.2567 ซึ่งเป็นงานประชุมใหญ่ ที่ผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าข้าวโลกมาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ตลาดข้าวโลกและเจรจาธุรกิจระหว่างกัน
นอกจากนี้กรมฯ มีแผนเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์ และขยายตลาดข้าวกับแอฟริกาใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดข้าวที่สำคัญอันดับต้นๆ ของไทย
รวมทั้งการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล กับรัฐบาลอินโดนีเซียและจีน รวมถึงประเทศอื่น ที่มีความประสงค์ขอซื้อข้าวในรูปแบบจีทูจี ตลอดจนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญ และจัด Thai Rice Roadshow ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดจีนด้วย
สำหรับข้อมูลใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศพบว่าตั้งแต่วันที่ 1-30 ม.ค.2567 มีปริมาณ 1,122,358 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.96 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณการขออนุญาตส่งออกข้าวอยู่ที่ 779,654 ตัน
อ่านข่าวอื่นๆ:
อีอีซี โรดโชว์ดึงญี่ปุ่นลงทุน BCG ตั้งเป้าลงทุน 4 แสนล้านบาท ใน 3 ปี
“ภูมิธรรม” ไม่ตกเทรนด์ ดอดเข้าด้อม“มาย-อาโป” นักแสดงซีรีส์วาย