ผู้ว่าฯ อยุธยาตรวจสอบโกดังสารเคมีไฟไหม้ สันนิษฐานลอบวางเพลิง

วันนี้ (1 มี.ค.2567) นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ภายในโกดังเก็บสารเคมี ริมถนนสายอุทัยภาชี หมู่ที่ 2 ต.ภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา โดยอยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาสาเหตุ และเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ตรวจสภาพ อากาศรอบๆ พื้นที่ว่ามีระดับความรุนแรงของสารเคมีมากน้อยเพียงใด

จากการตรวจสอบพบร่องรอยไฟไหม้ 3 จุด บริเวณถังเก็บสารเคมีในพื้นที่ 2 โกดัง ยังมีกลุ่มควันและมีกลิ่นเหม็นออกมาเป็นระยะ ใกล้กันยังพบรถบรรทุกจอดอยู่ภายในโกดัง มีร่องรอยการถูกเพลิงไหม้ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการลอบวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐาน

อ่านข่าว : คพ.เตรียมลงพื้นที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศรอบโกดังเก็บสารเคมี

เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นไม่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และไม่มีการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ เนื่องจากช่วงเกิดเหตุกระแสลมได้พัดกลุ่มควันไปทางทิศใต้ของโกดัง ซึ่งเป็นพื้นที่โล่ง ทำให้ไม่มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงได้รับผลกระทบ

สำหรับโกดังแห่งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นโกดังร้าง มีผู้ลักลอบนำสารเคมีมาเก็บไว้ จนมีชาวบ้านร้องเรียนและเข้าไปตรวจสอบ จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดเป็นของกลางคดีอาญาที่ สภ.ภาชี และอยู่ระหว่างรอทำลาย

"รพ.ภาชี" เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน-ลดรับผู้ป่วยใน

ลดรับผู้ป่วยใน ให้ผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงกลับบ้าน และย้ายผู้ป่วยเข้าห้องแยกที่มีเครื่องฟอกอากาศ เตรียมทีม MCATT และจุดล้างตัวหากพบผู้ป่วย-เจ้าหน้าที่ปนเปื้อนสารเคมี

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า เหตุการณ์ไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี พบว่ามีกลิ่นควันสารเคมีตามทิศทางลมระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร โรงพยาบาลภาชีจึงเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินรองรับสถานการณ์ทันที และหลังจากเจ้าหน้าที่ สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ไฟเริ่มมอดและมีควันน้อยลง สถานการณ์โดยรวมถือว่าดีขึ้น

เหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบในเรื่องควันสารเคมีที่กระจายเป็นวงกว้าง แต่กลิ่นลดลง ไม่มีผู้ป่วยหรือเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ

ปลัด สธ. กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลภาชีคงเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินไว้ก่อน เพื่อติดตามประเมินสถานการณ์ และลดการรับผู้ป่วยเข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน โดยประสานโรงพยาบาลใกล้เคียงส่งต่อผู้ป่วยกรณีจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลและผู้ป่วยคลอด

ส่วนผู้ป่วยในที่อาการไม่รุนแรง แพทย์จะพิจารณาให้กลับบ้านและรักษาแบบผู้ป่วยนอก รวมทั้งปรับการดูแลผู้ป่วยที่นอนรักษาในโรงพยาบาล เพื่อลดผลกระทบจากกลิ่นควันสารเคมี โดยย้ายผู้ป่วยสามัญเข้าห้องแยก ปิดประตูหน้าต่างและใช้เครื่องฟอกอากาศ พร้อมให้ความรู้การปฏิบัติตัวแก่เจ้าหน้าที่และผู้ป่วย รวมถึงเตรียมทีมดูแลเยียวยาจิตใจและจุดล้างตัวสำหรับผู้ป่วยหรือเจ้าหน้าที่ที่พบการปนเปื้อนสารเคมี นอกจากนี้ยังเตรียมสนับสนุนหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลให้หน่วยต่างๆ ในอำเภอด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เร่งระงับเหตุไฟไหม้ "โกดังเก็บสารเคมี" อยุธยาฯ เตือนระวังอันตรายจากควัน