เมื่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีข้อกล่าวหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต
มุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ในการจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย หรือ Thailand 2020 วงเงิน 240 ล้านบาท ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับพวก รวม 6 ราย
รวมทั้ง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรักษาการนายกฯ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งเป็นเลขาธิการนายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) นายระวิ โหลทอง เป็นจำเลยที่ 1-6 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ศาลฎีกามีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เมื่อ 4 มี.ค.2567 พิพากษายกฟ้อง ให้เหตุผลว่า ไม่พบมีเจตนาในการเอื้อประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการดังกล่าว และมีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วย
ถือเป็นคดีล่าสุด และเป็นคดีต่อจากคดีระบายข้าวแบบจีทูจี ในโครงการรับจำนำข้าว เฟสที่ 1 ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้ออกหมายจับ
ก่อนหน้านี้ เมื่อ 26 ธ.ค.2566 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเสียงข้างมาก พิพากษา “ยกฟ้อง” น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเพิกถอนหมายจับข้อหา มาตรา 157 ในคดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช.โดยมิชอบ ด้วยเหตุผลไม่มีเจตนาพิเศษเพื่อสร้างความเสียหาย หรือเอื้อประโยชน์เครือญาติ (พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์) ไปนั่งในตำแหน่งผบ.ตร.
อย่างไรก็ตาม คดีเกี่ยวกับการโยกย้ายนายถวิล ได้มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แพ้มาแล้ว 2 ศาล คือ ศาลปกครองสูงสุดที่วินิจฉัยว่า เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายโดยใช้ดุลยพินิจมิชอบ จึงให้เพิกถอนประกาศแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว
ส่วนศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สิ้นสุดลง จากการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อเอื้อประโยชน์แก่เครือญาติ
น่าสนใจ คือคำพิพากษาชี้ขาดครั้งนี้ ถูกคาดหมายจากกูรูด้านกฎหมาย ว่าจะมีทางออก 2-3 หน้า คือหน้าแรกศาลอาจเลื่อนฟังคำสั่งออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากจำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษาไม่ครบ โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์
แนวทางที่ 2 คือพิพากษามีความผิดตามฟ้อง ซึ่งแนวทางนี้ ต้องลุ้นว่า ศาลจะวินิจฉัยลงโทษจำคุกกี่ปี หากไม่เกิน 3 ปี จะทำให้มีโทษจำคุกที่ต้องไปรวมกับคดีระบายข้าวจีทูจี ซึ่งโดนอยู่ก่อนแล้ว 5 ปี รวมกันไม่เกิน 8 ปี เท่ากับหรือน้อยกว่าโทษที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯโดน 8 ปี ก่อนจะได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี
และแนวทางสุดท้าย คือยืนตามศาลชั้นต้น และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่มีคำสั่งไม่ประทับรับฟ้องก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นความผิดจากคดีนี้ทันที และถือเป็นผลบวกอย่างยิ่ง ต่อการเดินทางกลับประเทศไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามอย่างนายทักษิณ ที่ได้ทำเอาไว้
กำหนดเวลาอาจเร็วกว่าที่คาดไว้ ไม่น่านานเกินรอ แม้ ป.ป.ช.ยังสามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลได้
แต่เป็นทางสะดวกและปลอดโปร่งอย่างมาก สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เชื่อกันว่า น่าจะมีการเจรจาตกลงกับกลุ่มอำนาจเดิมไว้แล้วล่วงหน้า
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา