วันนี้ (7 มี.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รั้วสังกะสีปิดกั้นบริเวณจุดสิ้นสุดถนน ก่อนถึงชายหาดแหลมหงา ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมป้ายข้อความ “ห้ามบุกรุก ที่ดินกรรมสิทธิ์ของ บจก.แหลมหงาดีเวลลอปเม้นท์ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย”
นอกจากนี้ยังมีป้ายข้อความว่า “ห้ามเข้า” และ สถานที่นี้รักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิด จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง และมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่มีการอ้างดังกล่าว
นายนครินทร์ ยอแสงรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา กล่าวว่า การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นพื้นที่มีโฉนด เนื้อที่ 64 ไร่ ส่วนที่มีข้อสงสัยว่า การปิดกั้นบริเวณปลายถนน ซึ่งก่อสร้างโดยหน่วยงานของรัฐ คือ รพช. ซึ่งปัจจุบันคือ แขวงทางหลวงชนบท ทำได้อย่างไร หรือถนนสาธารณะเข้าไปสร้างในพื้นที่เอกชนได้อย่างไรนั้น ทางเทศบาลทำได้เพียงตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ ส่วนที่มาของเอกสาร เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานที่ดิน เทศบาลจึงไม่มีอำนาจไปสั่งรื้อถอน
จากถนนปากทางเข้าไปจนชายหาดแหลมหงา ซึ่งสุดถนนที่ทาง รพช.ไปสร้างไว้ มีระยะทางประมาณ 1,200 เมตร ทั้งนี้จากปากทางไปประมาณ 800 เมตร จะเป็นทางสาธารณะ และเมื่อมาถึงจุดนี้ จะมีไม้กั้นอยู่แต่จะมีการยกไว้ให้ แต่หลังจากไม้กั้นดังกล่าวไปแล้ว จะเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนด จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า หน่วยงานภาครัฐเข้าไปสร้างถนนได้อย่างไรในที่เอกสารสิทธิ์ของเอกชน
ซึ่งประเด็นนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยหน่วยงานที่สร้าง คือ รพช. เมื่อประมาณปี 2540 และมอบให้เทศบาลตำบลรัษฎาเมื่อปี 2545 ส่วนของโฉนดที่มีการตรวจสอบแล้วพบว่า ออกเมื่อปี 2525 หลักฐานในการออกมาจากครอบครอง ซึ่งส่วนนี้ก็ต้องให้ที่ดินตรวจสอบ
ดังนั้นหลังจากไม้กั้นไปจนถึงชายหาดระยะทางประมาณ 400 เมตร เป็นที่ดินซึ่งอยู่ในโฉนด เนื้อที่รวมกว่า 64 ไร่ ดังนั้นทางเทศบาลฯ จึงไม่มีอำนาจไปรื้อถอน และต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ
ผู้สื่อข่าวระบุว่า มีข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้เจ้าของที่ดิน เคยเปิดเส้นทางเข้า-ออกชายหาดได้ แต่จากการสอบถามทราบว่า มีปัญหาคนมาทิ้งขยะเรี่ยราด กลายเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น และยาเสพติด
นอกจากนั้นยังมีเรื่องของอาชญากรรมอีก เนื่องจากทางเข้าไปเปลี่ยว และไม่มีไฟฟ้าแสงสว่าง ทางเทศบาลจึงเสนอว่า จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยดูแลให้ และจะเชิญเจ้าของที่ดินมาทำความเข้าใจ เพื่อแก้ปัญหาและเปิดเส้นทางอีกครั้ง
สำหรับชายหาดแหลมหงา ในอดีตจะมีคนในพื้นที่ และต่างพื้นที่มาใช้เป็นที่พักผ่อน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดจะมีคนมาเที่ยวจำนวนมาก เนื่องจากน้ำที่ใส และค่อนข้างเงียบสงบ
อ่านข่าว : Before-After "แหลมยามู" ก่อนจะเป็นจุดเกิดเหตุ "ฝรั่งเตะหมอ"
ร้อนฉ่า! กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนมี.ค.-เม.ย.ร้อนจัดเกิน 40 องศาฯ