ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

800 ชีวิต "เกาะปูลาโต๊ะบีซู" สู้ยากจน แปรรูปอาหารทะเลเพิ่มมูลค่า

ภูมิภาค
9 มี.ค. 67
15:02
801
Logo Thai PBS
800 ชีวิต "เกาะปูลาโต๊ะบีซู" สู้ยากจน แปรรูปอาหารทะเลเพิ่มมูลค่า
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ชุมชนปูลาโต๊ะบีซู บนเกาะกลางแม่น้ำตากใบ จ.นราธิวาส สู้ความยากจน แปรรูปสินค้าเพิ่มมูลค่าอาหารทะเล บนฐานทรัพยาการพื้นถิ่น

“เกาะปูลาโต๊ะบีซู” ตั้งอยู่ ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ชาวบ้านบนเกาะทั้งหมดนับถือศาสนาอิสลาม มีชาวบ้าน 130 ครัวเรือน จำนวนประมาณ 800 คน ระยะห่างจากฝั่ง 500 เมตร ต้องเดินทางโดยทางเรือ หากชาวบ้านจะเดินเท้าต้องใช้สะพานของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งนราธิวาส

ชาวบ้านประกอบอาชีพประมง ควบคู่กับการขายแรงงาน และมีชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ต้องเดินทางไปทำงานในประเทศมาเลเซีย

ชาวบ้านบนเกาะต้องใช้ชีวิตโดยปราศจากน้ำจืด และต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้ยืมจากผู้มีอุปการคุณในยามขัดสนขาดแคลน ในช่วงเวลาที่ไม่สามารถออกเรือไปทำการประมง ส่งผลให้ทุกคนทุกครัวเรือนบนเกาะล้วนมีความยากจน ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน กันทุกครัวเรือน อีกทั้งยังมีปัญหาหนี้สินเรื้อรัง

จึงเป็นมูลเหตุจูงใจให้ดำเนินโครงการวิจัย ยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการชุมชนประมงพื้นบ้านเกาะปูลาโต๊ะบีซู จ.นราธิวาส เพื่อสร้างห่วงโซ่คุณค่าใหม่แก่ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากเศรษฐกิจฐานรากสู่มูลค่าเชิงพาณิชย์” ภายใต้กรอบการวิจัย “การพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprises) บนฐานทรัพยากรพื้นถิ่น เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่” โดยการรับการสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

อ่านข่าว : ยืดอายุความอร่อย ยกคุณภาพ "ทุเรียนกวนเจาะไอร้อง"

ผศ.ดร.ธมยันตี ประยูรพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และ ผศ.สมเกียรติ สุทธิยาพิวัฒน์ หัวหน้าโครงการวิจัย ได้ออกแบบกระบวนการแก้ไขความยากจนและปัญหาหนี้สินเรื้อรัง ด้วยการพัฒนาศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการสินค้าประมงแก่ชาวเกาะ เพื่อช่วยแก้ไขความยากจน ปลดเปลื้องปัญหาหนี้สิน สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่

ควบคู่ไปกับการพูดคุยของความร่วมมือจากผู้มีอุปการคุณที่เป็นแหล่งเงินแก่ชาวเกาะ ผ่อนปรนให้ชาวเกาะนำสินค้าประมงบางส่วนมาแปรรูปแล้วรวมกลุ่มกันจำหน่าย แทนการต้องนำสินค้าประมงทั้งหมดไปส่งมอบให้เพื่อลดหนี้ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้มีอุปการคุณที่เป็นแหล่งเงินทุกราย

ผศ.ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์

ผศ.ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์

ผศ.ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์

ได้รับโอกาส-เพิ่มองค์ความรู้ ความคิดเปลี่ยน

ผศ.ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เปิดเผยว่าชุมชนเกาะปูลาโต๊ะบีซู ไม่เคยได้รับโอกาส ขาดองค์ความรู้ ไม่มีวิธีการจัดการ ซึ่งศักยภาพของพื้นที่และคนในชุมชนสามารถพัฒนาต่อยอดและสร้างสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้

จึงหาแนวทางในการรับซื้อสินค้าประมงในราคาที่สูงขึ้น แปรรูปพัฒนาสินค้า โดยใช้อุปกรณ์ที่ชาวบ้านมีอยู่แล้ว

สำหรับการเข้ามาในพื้นที่ประเด็นหลักต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวบ้านถึงความตั้งใจจริงในการหวังยกระดับคุณภาพชีวิต

เมื่อชาวบ้านเห็นเจตนาที่แท้จริง รวมทั้งลงมือทำให้เห็น ชาวบ้านก็ยอมรับและเปิดใจ

ปลากุเลา-ปลากระบอกแดดเดียว สินค้าเด่น

น.ส.รูฮานี ยูโซะ ประธานกลุ่มแปรรูปเกาะหัวใจเกื้อกูล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีการรวมกลุ่มของสมาชิก 17 คน แต่ติดปัญหาเรื่องการขาย จึงทำให้กลุ่มต้องหยุดไป

ในอดีต ชาวบ้านที่ออกเรือไปจับสัตว์ทะเล เมื่อได้มาต้องนำไปจำหน่ายให้กับนายทุน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ในการหักกลบลบหนี้ จนแทบจะไม่เหลือรายได้ ซึ่งหนี้สินส่วนใหญ่เกิดจากการกู้เพื่อนำมาประกอบอาชีพ ทั้งค่าน้ำมันเรือ และอุปกรณ์ต่างๆในการจับสัตว์ทะเล

ปัจจุบันการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนเกาะหัวใจเกื้อกูลดำเนินการมาได้ 8 เดือน มีสมาชิก 30 คน และมีชาวบ้านที่ขอเข้ากลุ่มเรื่อยๆ 

สินค้าที่นำแปรรูปก็จะเป็นไปตามฤดูกาล ทั้งหมึกตากแห้ง และกุ้งแห้ง รวมไปถึงปลากุเลา และปลากระบอกแดดเดียว

สำหรับปลากระบอก ทางกลุ่มจะรับซื้อจากชาวบ้านในกิโลกรัมละ 60 บาท โดยวิธีการแปรรูป จะนำปลากระบอกมาขอดเกล็ด ผ่าท้อง ล้างน้ำให้สะอาด ก่อนนำไปแช่น้ำทะเลส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งจะไปแช่ในน้ำเกลือ ซึ่ง 2 กรรมวิธีนี้จะทำให้ได้รสชาติของปลากระบอกแดดเดียวที่ต่างกัน จากนั้นนำไปตากในโรงเรือน เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง ก่อนจะบรรจุนำไปจำหน่าย

สำหรับสินค้าที่ขึ้นชื่อ จะเป็น ปลากระบอกแดดเดียว และ กุเลา นอกจากนี้ชาวบ้านขายสินค้าไปสู่ออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่วงทางการขายอีกด้วย

เมื่อมีการพัฒนสินค้าแปรรูป ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละ ประมาณ 1,500 บาท หนี้สินลดลง และมีประมาณ 5 ครัวเรือนสามารถปลดหนี้ได้ อีกทั้งยังดึงดูดให้ชาวบ้านที่อพยพไปขายแรงงานในประเทศเพื่อนบ้านกลับคืนสู่ภูมิลำเนา

อ่านข่าวอื่นๆ :

ชงมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม “ชุดไทย-มวยไทย” ต่อยูเนสโก

จับตา "ไข้นกแก้ว" ติดจากนกสู่คนพบระบาดในยุโรป ยังไม่พบในไทย

เช็กเลย วิธีคำนวณเงินบำนาญชราภาพ อายุครบ 55 ปี จะได้รับเงินเท่าไร

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง