"เศรษฐา" โชว์ผ้าขาวม้าสู่อินเตอร์ต่อยอด Soft Power ยุโรป

เรียกว่าสร้างกระแสฮือฮา ตั้งแต่วันแรกที่เดินสายโรดโชว์ประชุมอาเซียน-ออสเตรเลีย และเยอรมนีและปิดท้ายด้วยประเทศฝรั่งเศสในช่วงวันที่ 4-14 มี.ค.นี้

หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่นำภาพของตัวเองเผยแพร่บนโซเชียลผ่านแอปพลิเคชัน X Srettha Thavisin @Thavisin ระบุว่า  

เดินทางถึงเยอรมันแล้วครับ ลงเครื่องมาอุณหภูมิอยู่ที่ 2 องศา ได้ผ้าขาวม้าสวย ๆ จากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดนี่แหละครับช่วยให้อบอุ่น

พร้อมระบุว่าผมมีภารกิจที่กรุงเบอร์ลินช่วงสั้น ๆ คือการเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2024 งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจัดในเดือนมีนาคมของทุกปี พร้อมพบผู้บริหารบริษัทเอกชนของเยอรมนี ก่อนจะเดินทางต่อไปยังสาธารณรัฐฝรั่งเศส

• ชู "ผ้าขาวม้า" ขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

โชว์แฟชั่นผ้าขาวม้าสู่อินเตอร์ 

ขณะที่ล่าสุดวันนี้ นายเศรษฐา โพสต์ภาพร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ระบุว่าภารกิจต่อยอด Soft Power นำสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยสู่สายตาชาวโลก

หนึ่งในภารกิจเยือนฝรั่งเศสที่สำคัญ คือการต่อยอด Soft Power แนะนำสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยให้ไปสู่สายตาชาวโลกให้มากที่สุดครับ ผมจึงเลือกเอาผ้าขาวม้าจากกาฬสินธุ์ มาพันคอ

ส่วนคุณอิ๊งค์ คนสำคัญของโปรเจ็กต์ซอฟพาวเวอร์ ก็เลือกใส่สูทผ้าครามจาก จ.สกลนคร ครับ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ระบุภารกิจต่อยอด Soft Power นำสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่น ยตาชาวโลก เลือกเอาผ้าขาวม้าจากกาฬสินธุ์ มาพันคอ

ผ้าขาวม้า มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

ก่อนหน้านี้ เมื่อ 28 ก.พ.2566 คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้เสนอผ้าขาวม้า ผ้าเอนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย (Pha Khoa Ma : Multifunctional cloths in Thai life) ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ต่อยูเนสโก และให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญหาทางวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในเอกสารการนำเสนอต่อไป

ทั้งนี้ก่อนนำเสนอต่อยูเนสโก คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมได้มีการพิจารณาถึงคุณค่าของผ้าขาวม้าในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณค่าความสำคัญที่ผ้าขาวม้าที่มีต่อวิถีชีวิตคนไทย

อ่านข่าว มท.ยังไม่กำหนดสอบบรรจุ ขรก.ท้องถิ่น เตือนอย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จ

ด้วยผ้าที่มีลวดลายตารางสี่เหลี่ยมเป็นเอกลักษณ์ ขนาดกว้าง 60-80 ซม.และยาว 120-180 ซม. พบการใช้ประโยชน์อยู่ทุกภาคและชุมชน รวมถึงชาติพันธุ์ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มไทลื้อ ไทยวน ไทยลาว ภูไท ส่วย กูย มีลวดลายหรือสีแตกต่างกันตามเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น เป็นผ้าสารพัดประโยชน์ เข้าถึงง่ายและผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยหลายด้าน

ทั้งการทอผ้าใช้กันเองในครัวเรือน แลกเปลี่ยนในหมู่บ้านและชุมชน ไปจนถึงเป็นของขวัญ และใช้ในงานพิธีกรรมต่างๆ มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชี้ว่าผ้าขาวม้ามีมาตั้งแต่สมัยเชียงแสนจนถึงปัจจุบัน ผ่านการปรับปรุงต่อยอดภูมิปัญญา พัฒนาคุณภาพให้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายขึ้น

อ่านข่าวอื่นๆ

ทช.เตือนลอบขุด "ต้นเทียนทะเล" โทษจำคุก 1 ปีปรับ 1 แสน