วันนี้ (28 มี.ค.2567) จากกรณีข่าว มูลนิธิแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย ส่งเด็กต่างชาติ 19 คน บวชสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี ภายหลังเด็กถูกส่งตัวกลับมายังมูลนิธิเดิม ใน จ.เชียงราย และเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ ณ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงราย
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ ตม.เชียงแสน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า มูลนิธิฯ ที่รับตัวเด็ก ไม่มีใบอนุญาตจัดตั้งเป็นสถานสงเคราะห์เอกชนตามกฎหมาย รวมถึงรับบุคคลต่างด้าวไว้ในความดูแล โดยไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย
ตม.เชียงแสน จึงส่งตัวเด็กเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ ตามมาตรการและแนวทางแทนการกักตัวเด็กไว้ในสถานกักตัวคนต่างด้าว เพื่อรอการส่งกลับ ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.2567 เพื่อให้เด็กได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกรอบกฎหมายภายใน และระหว่างประเทศอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมฯ ระบุว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และรัฐบาลไทย เป็นคู่สัญญาว่าด้วยการปกป้องสิทธิเด็ก ซึ่งเป็นคู่สัญญาที่มีมานานกว่า 30 ปี มีหน้าที่หลักในการดูแลสวัสดิภาพทั้งกายและใจของเด็ก รวมถึงด้านการศึกษาด้วย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการส่งตัวกลับประเทศต้นทางหากไม่ปลอดภัย
ด้านนางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. พมจ.เชียงราย บพด.เชียงราย ตม.เชียงแสน และภาคประชาสังคมด้านการคุ้มครองเด็ก ร่วมประชุมทีมสหวิชาชีพ เพื่อหารือแนวทางให้ความช่วยเหลือ
โดยมติที่ประชุมให้ชะลอการส่งเด็กกลับครอบครัว เพื่อสืบเสาะข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และดำเนินการด้านกฎหมาย ซึ่งมีแผนการดำเนินการ โดยกรณีเด็กไทยให้ดำเนินการติดตามครอบครัวของเด็ก ซึ่งถ้าเด็กมีผู้ปกครอง จะพิจารณาคืนเด็กให้ผู้ปกครอง และร่วมกันวางแผนด้านการศึกษา หากเด็กไม่มีผู้ปกครอง เด็กจะได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพจาก พม. และประสาน ให้เด็กได้เรียนต่อเช่นกัน
กรณีเด็กต่างชาติ หากพบว่า มีผู้ปกครองหรือญาติที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งในไทย หรือมีผู้ปกครองเดินทางไป-มา ระหว่างชายแดน และประสงค์ขอรับตัวเด็กกลับไปอุปการะดูแล จะมีการประเมินความพร้อมเพื่อให้มั่นใจว่าเด็กจะปลอดภัย รวมถึงประสานกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจัดให้เด็กได้เรียนหนังสือต่อในโรงเรียนประจำในพื้นที่
ทั้งนี้หากไม่สามารถติดตามครอบครัวได้ พม.จะจัดหาสถานรองรับภาครัฐ-เอกชน ที่เหมาะสมในการดูแลและคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กกลุ่มนี้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม พม.เน้นย้ำให้เด็กได้อยู่กับครอบครัว โดยมีรัฐและองค์กรเครือข่ายช่วยเหลือสนับสนุนให้ผู้ปกครองมีความสามารถในการดูแลเด็กให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัย โดย พม.จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือแนวทางการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในสถานการณ์โยกย้ายถิ่นฐาน โดยไม่มีการผลักดันกลับหากไม่ปลอดภัยตามหลัก Non-refoulement และดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามหลักสิทธิเด็กและสิทธิมนุษยชนต่อไป
อ่านข่าว : "จักรภพ" เปิดใจขอโอกาสกลับบ้านในรอบ 15 ปีสู้คดีการเมือง
"รถไฟฟ้าสายสีเหลือง" ปิดให้บริการทุกสถานี เบื้องต้นแจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้อง