วันนี้ (9 เม.ย.2567) นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่สและพันธุ์พืช พร้อมด้วยนายวัฒนา มังธิสาร รองเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) นายวีรยุทธ วรรณเลิศสกุล ผู้ตรวจราชการกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมแถลงความคืบหน้า MOU การแก้ไขปัญหากรณีเสันแนวเขตทับซ้อนกันระหว่างพื้นที่ ส.ป.ก.กับพื่นที่ป่าอนุรักษ์ระหว่างกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- สำรวจเสร็จแล้ว "ส.ป.ก.รุกเขาใหญ่" นายกฯ ชี้ให้เป็นพื้นที่ปลูกป่า
- จบสวย! ยอมคืนที่ ส.ป.ก.รุกเขาใหญ่ "โซนนิ่ง" ห้ามจัดสรรที่ดิน
นายวีระ กล่าวว่า ขณะนี้กรมอุทยานฯ ตรวจสอบจาก 291 แห่ง พบว่าพื้นที่ป่า 190 แห่งที่มีปัญหาซ้อนทับกับส.ป.ก. เนื้อที่รวม 520,000 ไร่ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะต้องจัดการให้ถูกต้องว่ามีการซ้อนทับ และจะใช้กฎหมายไหนมาดูในรายละเอียดทั้งหมด
นายวีระ กล่าวว่า สำหรับการสำรวจ หากเป็นพื้นที่ในเขตอุทยานฯ ป่าอนุรักษ์มีพื้นที่ทับซ้อนกันจะมีมาตรการแก้ปัญหาที่ดินทำกินตาม ม.64 พ.ร.บ.อุทยาน และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แต่หากอยู่ในเขตส.ป.ก.ตามสิทธิ ส.ป.ก.จะได้สิทธิทำกิน ส.ป.ก4-01
พื้นที่ซ้อนทับได้ป่าอนุรักษ์จะนำไปออกเอกสารครอบครองไม่ได้ หลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบ ใช้กลไกลของแผนที่วัน-แมบ มาใช้ในการแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน
รองอธิบดีกรมอุทยาน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีพื้นที่บัฟเฟอร์โซนหรือแนวกันชนระหว่าง 2 พื้นที่จะต้องพิจารณาให้เกื้อกับการอนุรักษ์ป่าด้วย
ด้านนายวัฒนา กล่าวถึงกรณีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างป่าอนุรักษ์ และส.ป.ก. จำนวน 520,000 ไร่นั้น ยอมรับว่ามีปัญหาการทับซ้อนกันจริง และเตรียมเสนอแนวทางให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้เนื่องจากในอดีตมีการใช้แผนที่คนละมาตราส่วน หลังจากนี้จะต้องมีทางออก และบางแห่งจะใช้เวลาในการตรวจสอบไม่เท่ากันตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป แต่จะให้สมดุลระหว่างการดูแลป่าอนุรักษ์ และไม่กระทบกับประชาชน
อ่านข่าวอื่นๆ
ลานกีฬากลางป่าเพชรบูรณ์ ใช้งบไม่คุ้ม ป.ป.ท.ส่ง สตง.ตรวจสอบ
เลื่อนเปิดใช้ถนนปากเกร็ดทรุด 4 ม.หน้าวัดบ่อ-แม่ค้าบ่นอุบ