วันนี้ (17 เม.ย.2567) ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องของประธานรัฐสภา ที่ขอให้พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) โดยอ้างอิงถึงรัฐสภาจะบรรจุวาระและพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีบทบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยังไม่มีผลการออกเสียงประชามติว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่
และในกรณีที่รัฐสภาสามารถบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีบทบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ การจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับฉบับใหม่ได้หรือไม่จะต้องกระทำในขั้นตอนใด
โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ด้วยศาลพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารเอกสารประกอบแล้วเห็นว่า
ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ที่เกิดขึ้นแล้ว
ดังนั้นการบรรจุระเบียบวาระประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเป็น หน้าที่และอำนาจของประธานรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 80 และข้อบังคับการประชุมรัฐสภาปี 2563 ข้อ 119 กรณีนี้จึงไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา
โดยคำร้องมีสาระสำคัญเป็นเพียงข้อสงสัยและขอให้ศาลรัฐธรรมนูญอธิบายเนื้อหาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ซึ่งศาลได้วินิจฉัยโดยละเอียดและชัดเจนแล้ว จึงไม่ใช่กรณีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาที่เกิดขึ้นแล้วจึงไม่ต้องด้วยเงื่อนไขตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ก่อนการพิจารณามีตุลาการศาล 2 คน ไม่ได้ร่วมพิจารณาด้วยคือ นายสุเมธ รอยเจริญ โดยอยู่ระหว่างการเข้าเฝ้าทุนละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่
และนายอุดม รัฐอมฤต ที่ขอถอนตัวจากการพิจารณาตามกฎหมายวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเนื่องจากเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาลที่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาลที่ 4/2564 และการประชุมของตุลาการศาลในวันนี้ องค์ประชุมเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 7 คน
อ่านข่าวอื่น ๆ
นายกฯ ตัวจริงสั่งปรับ ครม. ถอดบทเรียน “ปู” ไร้เงา “อุ๊งอิ๊ง”