"สารพิษ"
สารเคมีที่มีสภาพเป็นของแข็ง ของเหลว หรือก๊าซ เมื่อเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะทางการรับประทาน ฉีด หายใจ หรือสัมผัสทางผิวหนังแล้วเกิดเป็นพิษ ทำให้เกิดอันตรายต่อโครงสร้างและหน้าที่ของร่างกาย โดยที่อันตรายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ คุณสมบัติ ปริมาณ และทางที่ได้รับสารพิษนั้น
การได้รับสารพิษเป็น "ภาวะฉุกเฉิน" ที่ต้องได้รับการปฐมพยาบาลที่รีบด่วนและเฉพาะเจาะจง สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องประเมินอาการและจำแนกให้ได้ว่า อาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเกิดจากสารพิษใด และต้องสังเกตสภาพการณ์ สิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยร่วมด้วย อาการที่ได้รับสารพิษ ได้แก่
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง น้ำลายฟูมปาก หรือ มีรอยไหม้นอกบริเวณริมฝีปาก มีกลิ่นสารเคมีบริเวณปาก
- เพ้อ ชัก หมดสติ มีอาการอัมพาตบางส่วน ช่องม่านตาผิดปกติ อาจหดหรือขยาย
- หายใจขัด หายใจลำบาก มีเสมหะมาก มีอาการเขียวปลายมือปลายเท้า หรือบริเวณริมฝีปาก ลมหายใจมีกลิ่นสารเคมี
- ตัวเย็น เหงื่อออกมาก มีผื่นหรือจุดเลือดออกตามผิวหนัง
- สภาพการณ์หรือสิ่งแวดล้อมบ่งชี้ถึงภาวะการได้รับสารพิษ
ภาพประกอบข่าว
อ่านข่าว : จ่อประกาศ 2 ตำบลพื้นที่ประสบสาธารณภัย ไฟไหม้ "วิน โพรเสส"
3 ประเภท "ก๊าซพิษ" ที่เข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจ
- ก๊าซที่ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน เกิดอาการ วิงเวียน หน้ามืด เป็นลมหมดสติ ถึงแก่ความตายได้ เช่น คาร์บอนมอนนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน ไนโตรเจน ปัจจุบันพบว่าก๊าซที่ทำให้เกิดปัญหาค่อนข้างบ่อย ได้แก่ คาร์บอนมอนนอกไซด์ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ ที่มีปัญหาการจราจรคับคั่ง อากาศเป็นพิษ
คาร์บอนมอนนอกไซด์ เป็นก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อหายใจเข้าไปในร่างกาย ก๊าซนี้จะแย่งที่กับออกซิเจนในการจับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถไปยังเนื้อเยื่อทั่วร่างกายได้ ร่างกายจึงมีอาการของการขาดออกซิเจน ซึ่งถ้าช่วยเหลือไม่ทันจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เช่น ในกรณีที่มีผู้เสียชีวิตในรถยนต์ - ก๊าซที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ คอ หลอดลม และปอด ถ้าได้รับในปริมาณมากอาจทำให้ตายได้ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไม่มีสีแต่มีกลิ่นฉุน พบได้ในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้ทำกรดกำมะถัน
- ก๊าซที่ทำให้อันตรายทั่วร่างกาย ได้แก่ ก๊าซอาร์ซีน ไม่มีสีกลิ่นคล้ายกระเทียม พบได้ในโรงงานอุตสาหกรรมใช้ทำแบตเตอรี่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ปัสสาวะเป็นเลือด ดีซ่าน ตาเหลือง ตัวเหลือง
อ่านข่าว : 20 ชั่วโมงไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีระยอง ยังคุมเพลิงไม่ได้ 100%
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ป่วย
- กลั้นหายใจรีบออกไปบริเวณที่อากาศถ่ายเท
- นำผู้ป่วยออกจากบริเวณที่เกิดเหตุไปยังที่มีอากาศบริสุทธิ์
- หากผู้ป่วยหมดสติ ร่วมกับไม่หายใจ หายใจเฮือก หรือไม่แน่ใจว่าหายใจหรือไม่ ให้โทร 1669 และทำ CPR
- นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
อ่านข่าว : เชื้อเพลิง 3 หมื่นถัง ขยายรัศมี 1 กม.อพยพหนีไฟไหม้ "วิน โพรเสส"
การดูแลตัวเองเมื่อประสบอุบัติภัยสารเคมี
- ถ้าอยู่ในที่เกิดเหตุ ห้ามระงับเหตุด้วยตนเอง
- โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่มาระงับเหตุ โดยให้ข้อมูลสถานที่เกิดเหตุ ประเภทสารเคมี
- เมื่อออกมาจากจุดเกิดเหตุ ให้เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ สระผม ทำความสะอาดตัวเอง
- สวมหน้ากากอนามัยหรือผ้าชุบน้ำปิดจมูกและปาก เพื่อลดการสูดดมควันพิษเข้าสู่ร่างกาย
- ออกห่างจากจุดเกิดเหตุไปทางด้านเหนือลม หากอาศัยอยู่ในรัศมี 1-3 กิโลเมตรของเพลิงไหม้ ควรอพยพออกนอกพื้นที่
- หากไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ให้หลบในที่อยู่อาศัยและใช้นำผ้าชุบน้ำปิดกั้นตามขอบหน้าต่างและประตู เพื่อป้องกันสารระเหยเข้ามาด้านใน
- ไม่ควรรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำในบริเวณที่เกิดเหตุ
ภาพประกอบข่าว
ที่มา : สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ฯ, กรมการแพทย์ทหารเรือ