เลือดกำเดาไหล (Epistaxis) คือ ภาวะเลือดออกทางจมูก แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ภาวะเลือดออกทางจมูกด้านหน้า และภาวะเลือดออกทางจมูกด้านหลังโพรงจมูก ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุที่อันตรายกว่าภาวะเลือดออกทางจมูกด้านหน้า ดังนั้นเมื่อเลือดกำเดาไหล อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของโรค เช่น
เนื้องอก
สาเหตุ : มะเร็ง หรือ เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง เกิดขึ้นในจมูก ไซนัส หรือหลังโพรงจมูก
อาการ : เลือดออกเป็นบางครั้ง หรือเลือดออกจมูกปริมาณมากควรส่องกล้องตรวจโพรงจมูก หรือเอ็กซเรย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
การระคายเคือง หรือบาดเจ็บในจมูก
สาเหตุ : แคะจมูกบ่อย ได้รับแรงกระแทกที่จมูก สั่งน้ำมูกแรงๆ อากาศแห้งความกดอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ขึ้นเครื่องบิน
อาการ : เลือดมักออกไม่มาก และเป็นระยะเวลาสั้น ๆ อาจมีเลือดออกช้ำในช่วงที่ใกล้หาย
การอักเสบในโพรงจมูก
สาเหตุ : จากการติดเชื้อไวรัส ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ใช้เครื่องอัดอากาศขณะหลับ
อาการ : มีเลือดออกปนมากับน้ำมูก
ความผิดปกติทางกายวิภาค
สาเหตุ : ผนังกั้นช่องจมูกคด หรือมีกระดูกงอกผิดที่ รวมถึงมีรูทะลุทำให้เกิดความไม่สมดุลของอากาศ
อาการ : เลือดมักไหลในจมูกข้างเดิม และเป็นซ้ำในจุดที่ผนังกั้นช่องจมูกคดหรือมีกระดูกงอก
ติดเชื้อในโพรงจมูก
สาเหตุ : อาการภูมิแพ้แบบเรื้อรัง อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในโพรงจมูก จนเป็นโพรงจมูกอักเสบ หรือโรคไซนัสอักเสบได้
อาการ : เลือดกำเดาไหลบ่อยๆ จนเกิดการติดเชื้อ
ภาพประกอบข่าว
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเลือดกำเดาไหล
- นั่งตัวตรงหรือนอนศีรษะสูง ก้มหน้าเล็กน้อย เพื่อไม่ให้สำลักเลือด
- ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้บีบปีกจมูก 2 ข้างเข้าหากัน ให้แนบเข้ากับผนังกั้นจมูก ค้างไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงลองคลายออก ระหว่างนี้ให้หายใจทางปาก
- ไม่ควรบีบจมูก แล้วเงยหน้า จะทำให้เลือดไหลย้อนลงคอหรือลอดลม มีโอกาสสำลักได้
- หากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วเลือดไม่หยุดไหล หรือเลือดไหลออกปริมาณมาก หรือมีอาการหน้ามืดจะเป็นลม ควรไปโรงพยาบาลทันที
- เมื่อเลือดหยุดไหลดีแล้ว ควรนัดพบแพทย์ประจำตัว หรือ โสต ศอ นาสิกแพทย์ หากเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ ไหลออกมาเป็นปริมาณมาก หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หน้ามืด คัดจมูก ปวดหรือชาบริเวณใบหน้า มีเลือดออกในตำแหน่งอื่น ๆ ของร่างกาย อ่อนเพลีย การได้กลิ่นผิดปกติ หรือมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาบางอย่างที่อาจเป็นสาเหตุของเลือดกำเดา
ภาพประกอบข่าว
ไหลแบบนี้ต้องพบแพทย์แล้ว
เลือดกำเดาไหลส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ถ้ามีเลือดกำเดาไหลออกมามากกว่าปกติ อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ซับซ้อน ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการอย่างละเอียด ซึ่งสามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้
- เลือดกำเดาไหลไม่หยุดเกินกว่า 5-10 นาที
- เลือดไหลออกมาเป็นลิ่มเลือด
- ตัวซีด ปากซีด มีอาการหน้ามืด เวียนหัว คล้ายจะเป็นลม
- สำลักหรืออาเจียนออกมาเป็นเลือด
- ชีพจรเต้นเร็ว หายใจลำบาก
ภาพประกอบข่าว
วิธีป้องกันไม่ให้เลือดกำเดาไหล
- ไม่แคะ แกะ หรือสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง
- ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุบริเวณจมูก ศีรษะ หรือใบหน้า
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีควันบุหรี่ สารเคมี หรือฝุ่นละออง
- ใช้น้ำเกลือหยอดจมูกป้องกันเยื่อบุโพรงจมูกแห้ง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
ที่มา : โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สภากาชาดไทย, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
อ่านข่าวอื่น :
FC แนะ “บิ๊กโจ๊ก” เล่นการเมือง เส้นทางกลับ สตช.ตีบตัน