นายกรัฐมนตรีเตรียมเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการในวันนี้ (15 ก.ย.) เพื่อแนะนำตัวในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชา ส่วนกรณี 2 แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติที่ถูกจับกุมอยู่ในกัมพูชานั้น มีรายงานว่านายกรัฐมนตรีจะนำเรื่องนี้หารือรือกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา แม้จะมีคำยืนยันจากทางการกัมพูชาแล้วว่า กระแสข่าวการปล่อยตัวคนไทยทั้ง 2 คนเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น โดยทั้ง 2 คนจะต้องได้รับโทษ 2 ใน 3 ก่อนที่จะสามารถขอพระราชทานอภัยโทษได้
แม้จะเดินทางเพื่อแนะนำตัว และหารือความร่วมมือกับผู้นำในภูมิภาคอาเซียนมาแล้วถึง 2 ประเทศ แต่การเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากปัญหาความสัมพันธ์ระหวางไทย-กัมพูชาที่คุกรุ่นต่อเนื่องจนกลายเป็นปัญหาระดับภูมิภาค
ยังมีประเด็นที่ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็จะเดินทางไปยังกัมพูชา ประกอบกับมีการทวงถามถึงแนวทางการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ 2 คนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาคุมขังอยู่ ทำให้การเดินทางไปกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ไม่ใช่การเดินทางเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือ การหารือระหว่างผู้นำแบบธรรมดา
สำหรับกำหนดการที่ได้รับการเปิดเผยจากนางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี จะเดินทางออกจากประเทศไทยในเวลา 14.00 น. ซึ่งกัมพูชาจะจัดพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ที่สำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จากนั้นจะเข้าพบหารือกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก่อนจะเดินทางเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ณ พระราชวังเขมรินทร์ ต่อด้วยการร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ และเดินทางกลับประเทศไทยในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 21.20 น.
สำหรับข้อราชการที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศจะร่วมหารือกันนั้น จะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนกรณีการช่วยเหลือ 2 คนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาคุมขังอยู่ในขณะนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีแนวนโยบายในการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว และมีความเป็นไปได้ว่า นายกรัฐมนตรี จะนำเรื่องดังกล่าว ขอความร่วมมือหรือความช่วยเหลืออื่นใดจากกัมพูชา แต่กระแสข่าวเกี่ยวกับการปล่อยตัวทั้ง 2 คนไทยได้ตรวจสอบไปยังกระทรวงการต่างประเทศแล้วว่า ยังไม่มีการปล่อยตัว และนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีกำหนดการในการเดินทางไปเยี่ยมผู้ต้องขังทั้ง 2 คน
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชเผยแพร่แถลงการณ์ของทางการกัมพูชาผ่านทางเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา โดยระบุถึงการปฏิเสธข่าวการขอพระราชทานอภัยโทษ และปล่อยตัว 2 คนไทย พร้อมยืนยันด้วยว่าทั้งคู่จะต้องรับโทษจำคุกอย่างน้อย 2 ใน 3 ของโทษก่อนที่จะพิจารณาขอพระราชทานอภัยโทษ
ส่วนประเด็นการเดินทางไปกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งมีการเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดี พร้อมระบุด้วยว่า หากไม่ดำเนินการ จะถือว่าเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 รวมถึงมาตรา 189 และ 192 เรื่องการซ่อนเร้นช่วยเหลือผู้กระทำผิดที่หลบหนีคดี
กรณีนี้ได้รับการยืนยันจากนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะต้องเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยนายยงยุทธ กล่าวว่า เป็นเรื่องเอกสิทธิของกัมพูชา ที่สามารถอนุญาตให้บุคคลใดเข้าหรือออกนอกประเทศ ซึ่งการจะดำเนินการห้ามมิให้บุคคลใดเข้า-ออกประเทศ เป็นการแทรกแซงกิจการภายในซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ
ส่วนกรณีที่อ้างว่าหากไม่ดำเนินการจะมีความผิดตามกฎหมายอาญานั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า หลายประเทศยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ผู้กระทำผิดในประเทศนั้นๆ ดังนั้นการดำเนินการอะไร จะต้องคำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศด้วย
สำหรับกิจกรรมฟุตบอลกระชับมิตรของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กับภาคเอกชนกัมพูชา เมื่อวานนี้ศาลอาญาได้พิจารณาคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในระหว่างการพิจารณาคดีของแกนนำ นปช. จำนวน 5 คน ในฐานะจำเลยในคดีก่อการร้าย โดยศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ, นายยศวริศ ชูกล่อม, นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายขวัญชัย ไพรพนา เดินทางไปประเทศกัมพูชาได้ ตามวันและเวลาที่ร้องขอคือวันที่ 15-25 กันยายน 2554 และให้กลับมารายงานตัวภายในวันที่ 26 กันยายน โดยให้แจ้งสำนักงานตรวจเงินเข้าเมืองรับทราบ สำหรับเงื่อนไขของศาล ยังกำหนดให้จำเลยที่ร้องขอวางเงินสดต่อศาลคนละ 600,000 บาทด้วย
นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ กล่าวว่า การเดินทางไปยังกัมพูชาจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงของการประสานงานระหว่างวันที่ 15 - 19 กันยายน และในช่วงของการจัดงานวันที่ 23-25 กันยายน พร้อมยืนยันว่า การเดินทางครั้งนี้จะทำอย่างเปิดเผย และเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากต้องเดินทางกลับก่อน