วันที่ 30 เม.ย.2567 สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดศรีสะเกษ เผยแพร่คำพิพากษาของศาลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ระบุว่า สืบเนื่องมาจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 73/2562 เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2562 มีมติเห็นชอบ มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้น ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
กรณีกล่าวหา นายธนกฤต ดุษฎีกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนเสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กับพวก มีส่วนได้เสียในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่าง ๆ ขององค์การบริหารส่วนตำบลเสียว
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำวินิจฉัยที่ 92/2563 วันที่ 25 ส.ค.2563 แล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ชี้มูลความผิดเรื่องกล่าวหาดังกล่าว และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องคดี
ต่อมาอัยการสูงสุดตั้งข้อไม่สมบูรณ์ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อหาข้อยุติ แต่คณะกรรมการร่วมไม่อาจหาข้อยุติได้ และเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2565 คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธนกฤต ดุษฎีกุล กับพวก ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 กรณีดังกล่าว
และเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้มีคำสั่งให้นายธนกฤต ดุษฎีกุล หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
และได้ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนายธนกฤต ดุษฎีกุล และนายอภิวัฒน์ ภักดี ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และมาตรา 98 วรรคสี่
ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท 279/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อท 17/2567 เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2567 โดยคำพิพากษาสรุปได้ว่า นายธนกฤต ดุษฎีกุล จำเลยที่ 1 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ได้ร่วมกับนายอภิวัฒน์ ภักดี จำเลยที่ 2 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว เมื่อปี 2548-2552 และเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว เมื่อปี 2552-2556 เข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549-2556 จำนวน 365 สัญญา (โครงการ)
โดยใช้ร้านมะลิการค้า โดยนายหนูเหลี่ยง พันธ์ดี จำเลยที่ 3 ร้านทรัพย์เพิ่มพูน โดยนายเคน ปัสราษฎร์ จำเลยที่ 4 ร้านธันยบูรณ์การค้า โดยนายธันยบูรณ์ พวงบุตร จำเลยที่ 5 และร้านทรัพย์ไพศาล โดยนาย พ (นามสมมุติ) เจ้าของร้าน เพื่อเข้าทำสัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว
ทั้งที่ผู้ประกอบการทั้ง 4 รายดังกล่าว ไม่ได้จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุสำนักงาน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ตามที่ได้ขอจดทะเบียนจริง อีกทั้งไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรในการก่อสร้างและไม่ได้มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง
อ่านข่าว : 15 ชั่วโมง ไฟไหม้โรงงานกระดาษ จ.สมุทรสาคร ยังดับไม่ได้
โดยนายหนูเหลี่ยง พันธ์ดี จำเลยที่ 3 ประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา และรับจ้างทั่วไป เช่น กรีดยาง, นายเคน ปัสราษฎร์ จำเลยที่ 4 ประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ทำสวน และมีอาชีพเสริม เป็นอาสาสมัครปศุสัตว์ เช่น ผสมพันธุ์โค กระบือ สุกร สุนัข ฉีดวัคซีน ทำหมั่นสุนัข แมว เป็นต้น
และนายธันยบูรณ์ พวงบุตร จำเลยที่ 5 ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ข้าวโพด ปลูกผักและรับจ้างทั่วไป ส่วนนาย พ (นามสมมุติ) ซึ่งจำเลยที่ 1 เคยแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว เมื่อปี พ.ศ.2548-2552 เมื่อหมดวาระ
ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ให้นาย พ (นามสมมุติ) ไปจดทะเบียนพาณิชย์ร้านทรัพย์ไพศาล เพื่อเป็นตัวแทน ในการเข้าเป็นคู่สัญญา กับองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว เนื่องจากจำเลยที่ 1 เข้าเป็นคู่สัญญาเองไม่ได้เพราะขัดต่อกฎหมาย
ในการจัดซื้อจัดจ้างตามโครงการต่าง ๆ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จะให้ผู้อำนวยการ กองช่าง, นายช่างโยธา, และผู้ช่วยช่างโยธา ทำการประมาณราคาโครงการก่อสร้างดังกล่าว ให้อยู่ในวงเงินงบประมาณไม่เกิน 100,000 บาท เพื่อให้อยู่ในอำนาจอนุมัติ ด้วยวิธีตกลงราคา โดยจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จะเป็นผู้ร่วมกันดำเนินการเลือกร้านทั้ง 4 ราย เพื่อเข้าทำสัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลเสียวและเป็นผู้นำเงินไปจ่ายหลักประกันสัญญาด้วยตัวเอง
โดยจ่ายกับเจ้าหน้าที่พัสดุ จากนั้นจะนำไปจ่ายต่อเจ้าหน้าที่การเงินหรือเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้แล้วแต่กรณี นอกจากนี้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดหาวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจักร และหาคนงานมาดำเนินการเอง
นอกจากนี้ยังเข้าไปสั่งการควบคุมงาน โดยระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างหากวัสดุก่อสร้างขาดเหลือ ผู้อำนวยการกองช่าง, นายช่างโยธาและผู้ช่วยช่างโยธา จะแจ้งจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 ให้จัดหาวัสดุก่อสร้างเพิ่มเติม เมื่องานเสร็จแล้วผู้ประกอบการทั้ง 4 ราย จะแจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบ
ซึ่งจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 5 จะเป็นผู้ร่วมลงแรงในแต่ละโครงการ และได้รับค่าจ้างโครงการละ 1,000-2,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่หรือกรรมการตรวจการจ้าง จะพบเห็นจำเลยที่ 2 กำลังคุมงานบริเวณหน้างาน โดยไม่พบเห็นจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 และนาย พ (นามสมมุติ) อยู่ที่หน้างาน
ส่วนงานประเภทจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการไปจัดซื้อวัสดุทั้งหมด โดยไปซื้อที่ร้านอุบลวัสดุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี แล้วนำใส่รถยนต์บรรทุกวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวมาส่งที่องค์การบริหารส่วนตำบลเสียว ในวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ บางครั้งนาย พ (นามสมมุติ) หรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเสียว จะช่วยขนวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าว มาเก็บไว้ภายในองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว
อ่านข่าว : โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "มาริษ เสงี่ยมพงษ์" เป็น รมว.ต่างประเทศ
อีกทั้งเจ้าหน้าที่หรือกรรมการตรวจรับพัสดุ ต่างไม่เคยพบเห็นจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 และนาย พ (นามสมมุติ) นำพัสดุ ครุภัณฑ์ต่าง ๆ มาส่งมอบที่องค์การบริหารส่วนตำบลเสียว โดยมี นาย ส. (นามสมมุติ) นักการภารโรง และจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกุญแจเปิดปิดอาคารสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว
โดยการจัดซื้อหรือจัดจ้างแต่ละครั้งไม่มีการสืบราคาหรือสรรหาผู้รับจ้าง เนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้สั่งการให้ นางสาว ป. (นามสมมุติ) เจ้าหน้าที่พัสดุให้นำร้านผู้ประกอบการทั้ง 4 ราย เข้าทำสัญญากับองค์การบริหาร
ส่วนตำบลเสียวและเป็นผู้นำใบเสนอราคาหรือสัญญาออกไปให้ผู้ประกอบการทั้ง 4 ราย ลงนาม แล้วนำเอกสารมาคืนให้กับเจ้าหน้าที่พัสดุทุกโครงการ ซึ่งบางครั้งจำเลยที่ 1 จะให้นางสาว ป. (นามสมมุติ) เขียนรายการใบส่งของให้กับทั้ง 4 ร้าน อีกทั้งเป็นผู้ลงนามในสัญญาและหน้าที่ฎีกาอนุมัติเบิกจ่ายเงิน พร้อมทั้งลงนามในเช็คเบิกจ่ายทุกครั้ง ตั้งแต่ปี 2549-2556 รวมทั้งสิ้น 365 ครั้ง
โดยจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 และนาย พ (นามสมมุติ) ที่เข้าทำสัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลเสียวดังกล่าว มีชื่อเป็นผู้รับจ้างโครงการ และเป็นผู้ลงนามในเอกสารใบเสนอราคา บันทึกตกลงราคา/ สัญญาซื้อขาย/ สัญญาจ้าง ใบส่งมอบพัสดุ/ ส่งมอบงานจ้าง ฎีกาเบิกจ่ายเงินและเอกสารประกอบต้นขั้วเช็ค และเอกสารประกอบอื่น
เมื่อทำงานแล้วเสร็จและส่งมอบพัสดุ /ส่งมอบงานจ้างและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ/ ตรวจการจ้าง ได้ตรวจรับว่า ถูกต้องครบถ้วนเป็นไปตามสัญญา โดยจำเลยที่ 1 ได้เป็นผู้ลงนามในสัญญาและหน้าฎีกาอนุมัติเบิกจ่ายเงิน พร้อมทั้งลงนามในเช็ค เบิกจ่าย
จากนั้นจำเลยที่ 1 จะสั่งการให้นาย พ (นามสมมุติ) หรือเจ้าหน้าที่เขียนใบเสร็จรับเงินแทนร้านมะลิการค้า ร้านทรัพย์เพิ่มพูน ร้านธันยบูรณ์การค้า และร้านทรัพย์ไพศาล เพื่อช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการเบิกจ่ายและรับเช็คไปเบิกจ่ายเงิน และได้ปลอมลายมือชื่อจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ในใบเสร็จรับเงินดังกล่าว เพื่อประกอบฎีกาเบิกจ่ายเงินไว้เป็นหลักฐาน
เมื่อผู้ประกอบการ ได้รับเช็คจากองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว จะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาโนนคูณ สาขา กันทรลักษ์ หรือสาขาเบญจลักษ์ ตามแต่กรณีในวันเดียวกันหรือใกล้เคียงกันก็จะถอนเงินสดออกมาทันที
แล้วนำเงินทั้งหมด ไปมอบให้กับจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 จากนั้นจำเลยที่ 1 ก็จะนำเงินสดเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 1 ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร สาขาโนนคูณ หรือ สาขาเบญจลักษ์ ในวันเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน ที่มีการเบิกจ่ายดังกล่าว จำนวน 25 ครั้ง
ส่วนการจ่ายภาษีของร้านมะลิการค้า ร้านทรัพย์เพิ่มพูน ร้านธันยบูรณ์การค้า และร้านทรัพย์ไพศาล นั้น จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จะเป็นผู้ชำระภาษีและให้จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 และนาย พ (นามสมมุติ) ไปชำระในนามจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 และนาย พ (นามสมมุติ) โดยมีเจ้าพนักงานสรรพากร เป็นผู้แนะนำวิธีการยื่นแบบชำระภาษี และคำนวณว่าจะต้องเสียภาษีว่าแต่ละรายชำระคนละเท่าไร
อ่านข่าว : ฝุ่น PM 2.5 กทม.เกินมาตรฐาน 12 พื้นที่ - เชียงใหม่ติดอันดับ 2 โลก
ต่อมาช่วงปี 2556 จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ครบวาระ และไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว ต่อมาจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 และนาย พ (นามสมมุติ) ที่เคยเป็นผู้รับงานเฉพาะกับองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว ได้จดทะเบียนยกเลิกพาณิชยกิจ จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 นายธนกฤต ดุษฎีกุล มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) 152 (เดิม) รวม 365 กระทง
นายอภิวัฒน์ ภักดี จำเลยที่ 2 นายหนูเหลี่ยง พันธ์ดี จำเลยที่ 3 นายเคน ปัสราษฎร์ จำเลยที่ 4 และ นายธันยบูรณ์ พวงบุตร จำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) 152 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 จำเลยที่ 2 รวม 194 กระทง จำเลยที่ 3 รวม 169 กระทง จำเลยที่ 4รวม 68 กระทง จำเลยที่ 5 รวม 30 กระทง
การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) 152 (เดิม) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) 152 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน
มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 จำเลยที่ 1 จำคุก 1,825 ปี จำเลยที่ 2 จำคุก 582 ปี 776 เดือน จำเลยที่ 3จำคุก 507 ปี 676 เดือน จำเลยที่ 4 จำคุก 204 ปี 212 เดือน จำเลยที่ 5 จำคุก 90 ปี 120 เดือน
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จำคุกจำเลยทั้งห้าคน คนละไม่เกิน 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) กับให้จำเลยที่ 1 พ้นจากตำแหน่ง นับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ (วันที่ 27 ธ.ค.2565) และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลยที่ 1 และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง มีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง
อนึ่ง เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสเกษ ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน ได้รายงานตามหน้าที่และอำนาจ ตามที่นายอำเภอเบญจลักษ์เสนอ โดยให้เหตุผล นายธนกฤต ดุษฎีกุล พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสียว ในวาระดังกล่าวแล้ว 6 ปี 2 เดือน จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถดำเนินการสั่งให้ นายธนกฤต ดุษฎีกุล และนายอภิวัฒน์ ภักดี พ้นจากตำแหน่งได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องสอบสวนตามมาตรา 90/1 และมาตรา 92 ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และแก้ไขเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุดผู้ถูกกล่าวหา ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
อ่านข่าว : สมาคมนักข่าววิทยุฯ เรียกร้อง 5 ข้อ ไม่กดขี่ใช้แรงงานในวิชาชีพสื่อ