ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ชุมพร" แล้งหนัก ชาวสวนโอดเร่งหาน้ำ-หวั่น "ทุเรียน" ยืนต้นตาย

ภัยพิบัติ
1 พ.ค. 67
16:04
937
Logo Thai PBS
"ชุมพร" แล้งหนัก ชาวสวนโอดเร่งหาน้ำ-หวั่น "ทุเรียน" ยืนต้นตาย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ชุมพร" เมืองหลวงผลไม้ แล้งหนัก ชาวสวนวิ่งหาน้ำวุ่น หวั่นทุเรียนยืนต้นตาย โอดไม่เคยเห็นหน้า สส.ตั้งแต่หลังเลือกตั้ง

วันนี้ (1 พ.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.ชุมพร กำลังประสบภัยแล้งอย่างหนัก โดยปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้ว ที่ต้องประสบปัญหาภัยแล้งติดต่อกัน ส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนชาวไร่ เดือดร้อนอย่างมาก โดยเฉพาะชาวสวนทุเรียน ที่มีมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้

และกาแฟโรบัสต้า ที่ปลูกกันมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ จนได้ชื่อว่า “ชุมพรเมืองหลวงผลไม้ภาคใต้” และ “มหานครแห่งโรบัสต้า” มีตลาดกลางซื้อขายส่งออกผลไม้ใหญ่ที่สุดของภาคใต้ อยู่ที่ อ.หลังสวน

ขณะนี้ทุเรียนกำลังอยู่ในช่วงออกผลผลิต และจะขายได้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า แต่เกษตรกรกำลังประสบภัยแล้งขั้นวิกฤติเป็นปีที่ 2 แล้ว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ภาคใต้ แทบจะไม่เจอกับปัญหาภัยแล้งมาก่อนเลย

ในส่วนของเกษตรกรได้เตรียมรับมือภัยแล้งไว้แล้ว โดยการจ้างขุดสระน้ำขนาดใหญ่ ไว้ในสวนของตนเองตั้งแต่ 1-3 จุด และขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลไว้ด้วย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับปัญหาภัยแล้งที่ฝนทิ้งช่วงไม่ตกมานานเกือบ 3 เดือนแล้ว

จ.ชุมพร มีพื้นที่ทั้งหมด 3.75 ล้านไร่ เป็นพื้นที่การเกษตร 2.56 ล้านไร่ เป็นแหล่งผลิตไม้ผลที่มีชื่อเสียงของประเทศ โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด กาแฟ และเป็นศูนย์กลางการตลาดทุเรียนของภาคใต้ ผลิตทุเรียน ปาล์มน้ำมันและยางพารา รวมมูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวเท่ากับ 250,823 บาทต่อคนต่อปี

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาชุมพร ไม่เคยประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง หรือประสบภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกรในจังหวัด แต่ในปี 2566 จ.ชุมพร ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ในหลายพื้นที่และในปี 2567 ก็ประสบปัญหาต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น

ขณะนี้เกษตรกรชาวสวน ต้องขับรถวิ่งหาแหล่งน้ำ และซื้อน้ำตามจุดบริการต่าง ๆ ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพื่อนำน้ำไปเติมในสระพักที่ขุดไว้ ใช้รดต้นทุเรียนที่กำลังออกผลผลิต และเริ่มเหี่ยวแห้งทยอยยืนต้นตาย เกษตรกรชาวสวนต้องต้องนำรถไปเข้าคิวรอ เป็นแถวยาวเหยียด ตั้งแต่ยังไม่สว่าง จนถึงขั้นแทบต้องแย่งชิงน้ำกันแล้ว

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร พื้นที่ที่เรียกได้ว่า กำลังวิกฤต โดยพบว่าในพื้นที่ ต.เขาค่าย และต.เขาทะลุ ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกัน มีเกษตรกรปลูกทุเรียนจำนวนมาก เกือบทุกพื้นที่ มีชาวบ้านเปิดจุดบริการขายน้ำหลายจุด

โดยใช้เครื่องยนต์ต่อท่อสูบขึ้นมาจากแหล่งน้ำ และมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เปิดจุดบริการสูบน้ำขึ้นมาจากแหล่งน้ำสาธารณะบริการฟรี กับเกษตรกรชาวสวน แต่ก็ยังเพียงพอ เนื่องจากมีเกษตรกรนำรถบรรทุกถังขนาดใหญ่ ไปรอคิววิ่งเข้าออกกันตลอดทั้งวัน อย่างต่อเนื่องมานานนันเดือนแล้ว

นายสมชาย ชัยรัตน์ อายุ 52 ปี ชาวสวนทุเรียน ต.เขาค่าย กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งมีนี้รุนแรงมาก ในส่วนของชาวบ้านได้เตรียมพร้อมรับมือกันไว้แล้ว มีการขุดสระเป็นแหล่งเก็บน้ำสำรอง แต่ด้วยฝนแล้งไม่ตกต่อเนื่องนานเกือบ 3 เดือน น้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอ จึงต้องออกมาหาแหล่งน้ำตามจุดที่องค์กรส่วนท้องถิ่นมีไว้บริการ แต่ก็มีเพียงจุดเดี่ยว จึงทำให้ชาวบ้านต้องแย่งชิงกันมาเข้าคิวยาวเหยียด ทำให้ไม่ทันการกับปัญหาที่เกิดขึ้น

นายสมชายกล่าวว่า มีชาวบ้านในพื้นที่ ตั้งจุดสูบน้ำขึ้นมาจากแหล่งน้ำไว้บริการ ขายให้กับเกษตรกรจำนวนหลายจุด แต่ทางผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เรียกประชุมผู้ขายน้ำสั่งให้ขายได้ 1 วัน และต้องหยุดขาย 1 วัน เพราะกลัวว่าน้ำจะหมด

ในวันที่ผู้ให้บริการ หยุดขายน้ำ มีเพียงจุดบริการของ อบต.เพียงแห่งเดียว เกษตรกรจึงต้องมาจองรอคิวรวมกันอยู่ที่เดียวเป็นจำนวนมาก เกือบจะกลายเป็นปัญหาแย่งชิงน้ำกันขึ้นมาแล้ว จึงอยากให้เปิดจุดบริการขายน้ำได้ตามปกติทุกวันด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และเพียงพอทันต่อสถานการณ์ภัยแล้ง

ขณะที่ น.ส.อรนุช มุ่งเครือ อายุ 39 ปี กล่าวว่า ตนมีสวนทุเรียน 13 ไร่ รวมกว่า 300 ต้น ตอนนี้ออกลูกเท่ากำปั้นแล้ว และลูกกำลังทยอยร่วงลงมาเรื่อย ๆ บางต้นร่วงจนหมดต้นแล้ว และกำลังจะยืนต้นตาย เพราะอากาศทั้งร้อนจัดและแห้งแล้ง มานานกว่า 2 เดือน

ทั้ง ๆ ที่เตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว ทั้งขุดสระ เจาะบ่อบาดาล แต่ความแห้งแล้งทำให้ไม่มีน้ำเหลืออยู่เลย จึงต้องไปหาน้ำตามแหล่งต่าง ๆมาสำรองไว้ อยากจะให้ทางหน่วยงานเกี่ยวข้องได้หาแหล่งน้ำสำรองไว้ให้กับเกษตรกร และช่วยนำฝนหลวงมาบินด้วย แม่ที่ผ่านมาแม้จะมีฝนหลวงบินมาช่วยทำฝนหลวงอยู่บ้างแต่ก็มาน้อยมาก แทบจะไม่มีฝนตกลงมาเลย

ด้านนายบุญทิ้ง วิชัยดิษฐ์ ชาวสวนทุเรียน ที่มารอคิวเติมน้ำกล่าวว่า ตั้งชาวบ้านประสบภัยแล้งพวกตนยังไม่เห็นหน้า ส.ส.เลย แทนที่จะลงมาดูแลประสานงานช่วยชาวบ้านบ้าง ซึ่งไม่เหมือน

ตอนเลือกตั้งยกมือไหว้มาแต่ไกล มาถึงหัวบันไดบ้าน อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัดก็ไม่มีลงมาเลย มีแต่ชาวบ้านช่วยกันเอง และมีจุดบริการน้ำของ อบต.เขาค่าย ในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งก็เกินขีดความสามารถของท้องถิ่น เคยประสานไปยังตัวแทน ส.ส. ก็แค่บอกว่าเดี๋ยวจะลงมาช่วย แต่ก็ไม่เคยเห็นลงมาเลย ส่งตัวแทนมาช่วยก็ไม่เคย ไม่เชื่อถามชาวบ้านหลายๆ คนดู

นายบุญทิ้งกล่าวว่า ส่วนโครงการสร้างฝาย สร้างเขื่อนชะลอกักเก็บน้ำของหน่วยงานรัฐที่มาสร้างไว้ก็ไม่ได้ผล น้ำแห้งหมดมีแต่โคลนตม ปล่อยทิ้งให้ร้างชำรุดทรุดโทรม แล้วจะมาสร้างใหม่ ตนก็บอกว่าเงินที่จะเอามาสร้างใหม่ 20-30 ล้าน นำไปซ่อมบำรุงของเก่าที่ทิ้งร้างให้กลับมาใช้ได้จะดีกว่าไหม คิดแต่จะสร้างใหม่ ทั้ง ๆ ที่ของเก่าก็สร้างทิ้งไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ตนคิดว่าถ้ายังปล่อยกันไว้แบบนี้ปีหน้าถ้าแล้งอีกจะเกิดศึกแย่งชิงน้ำแล้วฆ่ากันตายแน่ ๆ

อ่านข่าว : “วราวุธ” ชูนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤติประชากร แก้ปัญหาสังคมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

“เสียงประชาชน” ดังขึ้นดังอีก เอาคืน กกต.อย่าล้ำเส้นสิทธิ

ขึ้นฟรี! กทพ.ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ หยุดราชการ 3 วัน เดือน พ.ค.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง