วันนี้ (2 พ.ค.2567) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากที่เคยลงพื้นที่ตรวจโกดังข้าวในจ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ อุบลราชบุรี เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2567 พบ ปัจจุบันมีข้าวอีก 2 โกดัง รวม 132,000 กระสอบ ซึ่งเป็นข้าวที่เก็บอยู่ในโกดังมา 10 ปี จากโครงการรับจำนำข้าว และมั่นใจว่า ข้าวดังกล่าวยังสามารถนำมาบริโภคได้
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์
ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจและพิสูจน์ว่าข้าวดังกล่าวยังมีคุณภาพ และใช้บริโภคได้ จึงอยากเชิญชวนผู้ที่สนใจและมีความเห็นต่างลงพื้นที่จ.สุรินทร์ ไปร่วมพิสูจน์ด้วยกันว่า ข้าวในโกดังสามารถนำมาใช้เพื่อการบริโภคได้
โดยในวันที่ 6 พ.ค.นี้ ตนพร้อมทีมทำงานจะลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพข้าว 2 โกดังสุดท้ายในคดีรับจำนำข้าว ที่จ. สุรินทร์ ซึ่งโกดังแรกมีจำนวน 100,000 กระสอบ ส่วนอีกโกดังมีอยู่จำนวน 32,000 กระสอบ
ข้าวทั้ง 2โกดัง เป็นข้าวที่เคยประมูลขายไปแล้ว แต่มีการทิ้งงาน และยังกล่าวหาว่าเป็นข้าวเสีย จนเกิดเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม
นายกภูมิธรรมกล่าวอีกว่า เนื่องจากเจ้าของโกดัง ได้เก็บข้าวมากว่า 10 ปีแล้ว จึงไม่สามารถเปิดโกดังและดำเนินการได้ เพราะมีผู้ถือกุญแจโกดัง 3 ส่วน คือ เจ้าของโกดัง องค์การคลังสินค้า(อคส.) และพาณิชย์จังหวัด
ต่อมาเจ้าของโกดังข้าวได้ร้องขอให้พาณิชย์จังหวัดเข้ามาช่วยดำเนินการจัดการข้าวในโกดัง เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่าย ทั้งเสียประโยชน์จากพื้นที่ในโกดัง ถือเป็นค่าเสียโอกาสที่เจ้าของโกดังควรได้รับ
“ก่อนหน้านี้ได้ลงไปตรวจสอบคุณภาพข้าวมาแล้ว พบว่า ข้าวยังกินได้ การลงไปดูครั้งนี้ก็เพื่อพิสูจน์คุณภาพข้าว เพื่อนำไปประเมินราคา และเปิดประมูลระบายข้าว โดยจะมีการวาง TOR เงื่อนไขให้รัดกุมยิ่งขึ้น อาทิ การวางเงินค้ำประกัน เพื่อไม่ให้เกิดการอ้างได้อีก ว่าข้าวเสียและทิ้งงาน”
รมว.พาณิชย์ กล่าว่า ขอชวนทุกภาคส่วนที่สนใจ และผู้สื่อข่าว รวมถึงผู้ที่อ้างว่าข้าวเน่าเสีย ให้ไปพิสูจน์พร้อมกัน นอกจากนี้จะเชิญ ผู้ตรวจสอบสินค้าเกษตร หรือ เซอร์เวย์เยอร์ รายใหญ่ไปด้วย ซึ่งจะตั้งโต๊ะ หุงข้าวและมีกับข้าว
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง:
อคส.ปิดตำนาน “จำนำข้าว” เทสต๊อกล็อตสุดท้าย 1.5 หมื่นตัน
โดยตน จะเป็นผู้กินนำ แบบไม่ต้องกลัวมีปัญหา เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยของทุกฝ่าย และจะเปิดประมูลข้าวทันที คาดว่าจะได้เงินกลับคืนมามาก 100 ล้านบาท ก่อนจะเร่งพิจารณาชดใช้ค่าเสียหายให้กับเจ้าของโกดัง ให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด และยังเหลือเงินกลับเข้าคลังได้อีกพอสมควร
เงินที่ได้จากการประมูลจะนำมาพิจารณาชดเชยให้กับเจ้าของโกดัง ส่วนปริมาณเท่าไรต้องรอการพิจารณาและคุยกันในรายละเอียด เพื่อให้เป็นธรรมทุกฝ่าย เพราะปริมาณข้าวดังกล่าวเก็บมาเป็นเวลา 10 ปี เป็นภาระและทำให้เจ้าของโกดังเสียโอกาส เนื่องจากภายในโกดังยังมีพื้นที่ว่างบางส่วน
อย่างไรก็ตาม หากพิสูจน์ชัดเจนถึงคุณภาพข้าวแล้วว่าไม่ใช่ข้าวเน่า ข้าวเสีย ก็สามารถเปิดประมูลข้าวที่คนสามารถทานได้ ไม่ใช่อาหารสัตว์หรือโรงงาน ซึ่งก็จะพยายามดำเนินการภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ที่ทำได้ รวมไปถึงเรื่องของคดีต่างๆในโครงการด้วย
ทั้งนี้โครงการรับจำนำข้าว เป็นโครงการช่วยเหลือเกษตรกรในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นโยบายประชานิยมสุดโต่งที่ต้องการให้ชาวนาลืมตาอ้าปากมีรายได้โดยให้ชาวนานำผลผลิตมาแลกเป็นเงิน ความพิเศษ คือ ไม่จำกัดโควตาและกำหนดราคาไว้สูงกว่าราคาตลาด
โดยโครงการรับจำนำปี 2556/2557 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์และรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มี 6 โครงการ ปริมาณข้าวที่รับจำนำ51,902,401 ตัน มูลค่าความเสียหาย 787,504,258,687 บาท เฉพาะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มี 4 โครงการ ปริมาณข้าว 44,663,247 ตัน มูลค่าความเสียหาย 701,237,831,765 บาท ซึ่งหากอคส.สามารถระบายข้าวหมดสต๊อกถือว่าเป็นการปิดตำนานโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายให้กับวงการข้าวอย่างมหาศาล
อ่านข่าวอื่นๆ:
ราคาทองคำ ดิ่ง 400 คาดลงยาว เหตุ"อิสราเอล-ฮามาส" หยุดยิง
ทุบสถิติ! ยอดใช้ไฟฟ้า 29 เม.ย.พีคกว่า 3.6 หมื่นเมกะวัตต์
ธพ.สั่งยกเลิกหัวจ่าย "ดีเซลบี 10" เหลือแค่ บี 7-บี 20 มีผล 1 พ.ค.นี้