วันนี้ (4 พ.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มเจ้าพระยา แต่จากการตรวจสอบสภาพปัจจุบัน พบว่า น้ำภายในเขื่อนลดน้อยลงเหลือเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น
ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ลดลงทำให้สันดอนทรายโผล่ขึ้นมาให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น สะท้อนว่า สถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ จะส่งผลกระทบกับการใช้น้ำอุปโภค บริโภค และพื้นที่เกษตร ในลุ่มเจ้าพระยา อย่างน่าเป็นห่วง
"เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" 1 ใน 4 เขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มเจ้าพระยา แต่จากการตรวจสอบสภาพปัจจุบัน พบว่า น้ำภายในเขื่อน ลดน้อยลงเหลือเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น
นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อน เหลือเพียง 148 ล.ลบ.ม.หรือ ร้อยละ 15 ของความจุ
นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
สถานการณ์หลังจากนี้ ยังคงบริหารจัดการน้ำที่เหลืออยู่ตามแผนที่กรมชลประทานกำหนด โดยจะปรับลดอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนลง จากเดิมวันละ 3.4 ล้าน ลบ.ม.ให้เหลือวันละ 1.3 ล้าน ลบ.ม.ภายในสัปดาห์หน้านี้
คาดการณ์ว่าน้ำที่เหลือจะสามารถใช้การได้ในอีก 3-4 เดือน สำหรับการอุปโภค บริโภค และการรักษาระบบนิเวศน์ รวมทั้งผลักดันน้ำเค็มด้วย
"เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" น้ำภายในเขื่อนลดน้อยลงเหลือเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น โดยน้ำที่ลดลงทำให้สันดอนทรายโผล่ขึ้นมาให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น
นอกจากนี้ หากเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน กรมชลประทาน มีข้อตกลง ประสานความร่วมมือกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อช่วยเหลือปฏิบัติการทำฝนหลวง ช่วยเหลือเกษตรกร และเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บให้กับเขื่อนป่าสักฯ
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปรับลดอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนลง จากเดิมวันละ 3.4 ล้าน ลบ.ม.ให้เหลือวันละ 1.3 ล้าน ลบ.ม.ภายในสัปดาห์หน้านี้ คาดว่าน้ำที่เหลือจะสามารถใช้การได้ในอีก 3-4 เดือน สำหรับการอุปโภค บริโภค
นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือเกษตรกร ให้ชะลอการเพาะปลูกไว้ก่อน และรอจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ เพื่อลดความเสียหาย ต่อพืชผลทางการเกษตรด้วย
อ่านข่าว
"ลำน้ำทา" แล้งหนัก อปท.ต้องขนน้ำแจกชาวบ้านทุกวัน
แล้งจัด! เกษตรกรสุดช้ำ "ลูกทุเรียน" ร่วงเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
วิกฤตแล้ง "เกาะพีพี" อ่างเก็บน้ำแห้งขอด-ขาดแคลนน้ำประปา