กระชับพื้นที่แบบเบ็ดเสร็จและไร้รอยต่อ เมื่อ "ภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง แบ่งงานใหม่ให้เป็น รองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นงานด้านความมั่นคงอีกตำแหน่ง ภารกิจเพิ่มเติมจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ดูแลรัฐมนตรีช่วยในสังกัดยกกระทรวง
ไม่เพียงเท่านี้ "ภูมิธรรม" ในฐานะ รมว.พานิชย์ นอกจากยังทำหน้าที่รองนายก กำกับดูแลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ สำนักเลขาธิการนายกฯ กรมประชาสัมพันธ์ และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย
"ภูมิธรรม" คนเดียว ดูแลงานถึง 8 หน่วยงาน ทั้งที่ตามปกติทั่วไป "รองนายกฯ" หากมาจากพรรคการเมืองใด ก็มักจะกำกับดูแลกระทรวงในโควตาของพรรคตัวเอง และมักจะเกิดขึ้นน้อยครั้งที่จะมีการกำกับดูแลงานข้ามสาย-ข้ามกระทรวง แต่เมื่อพรรคเพื่อไทย มี "สุทิน คลังแสง" เป็น รมว.กลาโหม จึงอาจไม่แปลกที่จะมีรองนายกฯ จากพรรคเดียวกันเข้ามาดูแล
และปฏิเสธไม่ได้ว่าการเป็นรองนายกฯ ที่มีอำนาจขับเคลื่อนหน่วยงานด้านความมั่นคงของ "ภูมิธรรม" นั้น มีนัยทางการเมืองอย่างแน่นอน
ไม่ใช่เพราะ "ภูมิธรรม" ไม่เคยมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องงานด้านนี้มาก่อน แต่รัฐบาลเศรษฐา 1 ผู้กำกับดูแลกระทรวงกลาโหม คือ "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และช่วงก่อนจะมีการปรับ ครม. "เศรษฐา" ยังมีความหวังว่าจะได้นั่งควบกระทรวงกลาโหม แทน "สุทิน คลังแสง"
แต่เมื่อ "สุทิน" ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม ขณะที่ "เศรษฐา" ต้องถอยออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง กำกับดูแลกระทรวงการคลัง เพื่อหลีกทางให้ "พิชัย ชุณหวชิร" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง คนสนิท "ทักษิณ" เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน พร้อมกับเด็กสร้างอีก 2 คน คือ "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์-เผ่าภูมิ โรจนสกุล" รมช.คลัง และยังต้องถอยห่างออกจากนายกฯ ที่ดูแลกระทรวงกลาโหมอีกด้วย
ขณะที่อดีตลูกหม้อ "กฤษฎา จีนะวิจารณะ" อดีต รมช.คลัง จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โบกมือลาออกจากดำรงตำแหน่ง พร้อมกับการประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคฯ ของ "สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์" อดีตทีมเศรษฐกิจและประธานด้านยุทธศาสตร์ ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยรวบอำนาจได้เบ็ดเสร็จกว่าเดิม ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งภายในพรรครทสช.เอง
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบสถานะระหว่าง "เศรษฐา" และ "ภูมิธรรม" คนหนึ่งในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ถูกตัดอำนาจแขนขาเสมือนเป็น "นายกฯ ขาลอย" มีตำแหน่งเพียง นายกฯ บริหารงานทั่วไป แม้จะยังมีงานความมั่นอยู่ในมือ คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ แต่อำนาจสั่งการไม่ได้เต็มเหมือนปกติทั่วไป
ในขณะที่ "ภูมิธรรม" กลับมีพาวเวอร์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเข้ามากำกับดูแลกระทรวงกลาโหมแล้ว โดยตำแหน่ง รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ยังเป็นประธานยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้, ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), ประธานกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน, ประธานคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ และอื่นๆ
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังปรับ ครม. และแบ่งงานใหม่ให้ รองนายกฯ 6 คน ก่อนหน้านี้คนในพรรคเพื่อไทยพบสัญญาณที่เริ่มขยับ และเป็นรับรู้กันเมื่อ "ทักษิณ" เดินสายไหว้บรรพบุรุษ เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมๆ กับข่าว "อดีตนายกฯ" ได้พบปะกับตัวแทนผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ โดยพยายามทำหน้าที่ "คนกลาง" เจรจาสันติภาพครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 เม.ย. และครั้งที่ 2 เมื่อเร็วๆ นี้ที่ กทม.
สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม บอกว่า หากนายทักษิณ ไปเจรจากับชนกลุ่มน้อยจริง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย และถือเป็นเรื่องดีการแก้ไขปัญหาในอดีต หลายประเทศที่มีปัญหากันบางครั้งไม่ได้จบระดับไตรภาคี หรือ ทวิภาคี แต่จะจบด้วย เอกชนหรือคนนอกบางคน ไปเป็นตัวกลาง คนที่มีบารมีก็อาจจะไปช่วยพูดคุย ก็อาจจะจบได้ ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง และนายทักษิณอาจจะคิดเช่นนั้น
บารมี "ทักษิณ" ที่ขยับเข้ามากระชับอำนาจในพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครปฏิเสธ เพราะหากดูสายสัมพันธ์ระหว่าง "เศรษฐา" กับ "ภูมิธรรม" การใช้อำนาจผ่าน "ภูมิธรรม" ในฐานะ รองนายกฯ ที่กำกับดูแลงานทางด้านความมั่นคงในทางลับทางน่าจะเปิดโล่งมากกว่า
โดยเฉพาะการเล่นบทนักเจรจาสันติภาพ ที่เข้าไปคลี่คลายสถานการณ์สู้รบใน "เมียนมา" เป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง ไม่ว่าการเจรจาระหว่าง "ทักษิณ" และกลุ่มชาติพันธ์ุจะมีผลหรือไม่อย่างไร แม้ล่าสุดจะยังไม่ได้ข้อยุติเนื่องจากบางกลุ่มยังไม่เอาด้วย โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีกองกำลังขนาดใหญ่ ในพื้นที่ทางตอนเหนือ
กอรปกับภายในปีนี้ "บิ๊กทหาร" ในสังกัดกระทรวงกลาโหม อย่างน้อย 2 คน คือ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.2567 นี้
อาจเป็นช่องทางหนึ่งให้เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง เข้ามาจัดการปัญหาความมั่นคงภายในประเทศและนอกประเทศได้ โดยเฉพาะการมอบหมายให้ "ภูมิธรรม" เข้ามากำกับดูแลงานด้านความมั่นคง จึงต้องจับตาว่า "ทักษิณ" ใช้อำนาจผ่าน "ภูมิธรรม" ในภารกิจใด
กรณีนี้ยังไม่นับรวมกับการรุกไล่ ทางการเมือง ปิดสวิตช์ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากสัญญาณที่ส่งมายัง "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" รองนายกฯ และ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กำกับดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพียงหน่วยงานเดียว
อ่านข่าวอื่น :
ศาลสั่งยึดทรัพย์ 44 ล้านบาท "ธาริต" ร่ำรวยผิดปกติ