เน็ตไอดอลสาวเดินหน้าเอาผิดคนปล่อยคลิป วอนโซเชียลไม่ส่งต่อ

อาชญากรรม
13 พ.ค. 67
17:06
8,447
Logo Thai PBS
เน็ตไอดอลสาวเดินหน้าเอาผิดคนปล่อยคลิป วอนโซเชียลไม่ส่งต่อ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เน็ตไอดอลสาว พร้อมนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เข้าแจ้งความต่อ ตร.ไซเบอร์ เอาผิดคนปล่อยคลิปลับ ยันเอาเรื่องถึงที่สุด ด้านอดีตแฟนระบุไม่ได้เป็นคนปล่อย ไม่รู้คลิปหลุดได้อย่างไร แต่ยอมรับไม่ได้ลบคลิปตามข้อตกลงตอนเลิกรา

วันนี้ (13 พ.ค.2567) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เน็ตไอดอลสาวคนหนึ่ง พร้อมด้วย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้ง เพจสายไหมต้องรอด เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ถึงกรณีผู้เสียหายถูกนำคลิปวิดีโอเผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์ จนทำให้ตนเองเกิดความเสียหาย

โดยผู้เสียหายกล่าวว่า ณ วันนี้ ตนเองได้รับกำลังใจ ยังมีผู้ใหญ่คอยให้ความช่วยเหลือ ยังมีคนเห็นใจ ให้เกียรติ ตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำคลิปไปปล่อย แต่รู้สึกว่าทำไมต้องใจร้ายกับตนขนาดนั้นด้วย ตนเองไม่ควรต้องมารู้สึกแย่แบบนี้ พร้อมกับขอความเห็นใจ และขอบคุณทุกคนที่ไม่เข้าไปดู ไม่ส่งต่อคลิป

สำหรับประเด็นที่หลายคนนึกไปถึงอดีตชายคนสนิทที่เคยคบหา ผู้เสียหายระบุว่าได้รับข้อมูลจากอดีตแฟนที่ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนปล่อยคลิป แต่ก็ยังไม่ได้ลบคลิป แต่ตนเองมองว่าความเป็นไปได้คือ 50:50 เพราะอดีตแฟนเป็นเพียงคนเดียวที่ถ่าย และหลังเกิดเหตุได้พูดคุยกับฝ่ายชาย โดยฝ่ายชายกล่าวว่าไม่ได้ให้ใครยืมโทรศัทพ์มือถือ ไม่เคยส่งซ่อมด้วย 

ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายได้ออกมาอัดคลิป อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ตนเองได้รับข้อความจากผู้หวังดีจำนวนมาก และยอมรับว่าคนในคลิปคือตนเอง เหตุการณ์เกิดในช่วงที่คบหากับอดีตแฟน หลังจากมีคลิปหลุดว่อนในโลกออนไลน์ ตนเองไม่รู้ว่าคลิปหลุดได้อย่างไร เพราะตอนที่เลิกกับฝ่ายชาย ได้บอกให้ลบคลิปดังกล่าวไปแล้ว ขณะนี้เดินหน้าดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิดอย่างถึงที่สุด

ทั้งนี้ทางผู้ใช้อินสตาแกรมชื่อบัญชี yiwwari โพสต์ข้อความยอมรับว่าตนเองคืออดีตแฟนของเน็ตไอดอลสาวจริง และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งได้โทรพูดคุยกับผู้เสียหายแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เป็นคนเผยแพร่คลิปหรือส่งต่อแต่อย่างใด

ทางด้านผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดตั้งข้อสังเกตไว้ว่า หากอดีตแฟนหนุ่มยืนยันว่าไม่ได้ทำ แล้วคลิปหลุดออกมาในโลกโซเชียลได้อย่างไร และทำไมเมื่อตกลงกันแล้วว่าจะลบคลิป แต่ไม่ยอมลบคลิป

3 ขั้นตอนป้องกันคลิปลับถูกเผยแพร่

จริงอยู่ที่รสนิยมทางเพศของแต่ละบุคคลนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ในยุคที่สังคมเต็มไปด้วยเหล่ามิจฉาชีพ และการส่งต่อข้อมูลทางโลกออนไลน์ที่สามารถสร้างความเสียหายได้เพียงปลายนิ้วในไม่กี่วินาที สำนักงานตำรวจแห่งชาติแนะนำวิธีการ "ป้องกัน" ไม่ให้คลิปลับถูกนำไปเผยแพร่โดยไม่ยินยอม ดังนี้

  1. ไม่บันทึกคลิปลับ ภาพเปลือย เป็นอันขาด เพราะหากบันทึกภาพ คลิปลับ ระหว่างตนกับคนรัก แม้วันนี้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป สุดท้ายกาลเวลาหรืออาจมีปัจจัยที่อาจทำให้ความรักจืดจางลง อาจมีการเลิกลาโดยมีความเจ็บแค้นต่อกัน ภาพหรือคลิปที่อัดไว้ก็กลายเป็นอาวุธในการเอามาโจมตี ข่มขู่ รีดเอาเงิน หรือเอามาทำลายชื่อเสียงกันและกัน

  2. ตั้งรหัสผ่าน และตรวจสอบการป้องกันไวรัสของอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ เพราะผู้ไม่หวังดีอาจสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลในอุปกรณ์ และนำไปใช้ทำให้เกิดความเสียหายกับเจ้าของอุปกรณ์นั้นๆ ได้

  3. ลบข้อมูลสำคัญก่อนนำไปขายหรือซ่อม เพราะหากเจ้าของอุปกรณ์ไม่ได้ทำการลบข้อมูลที่อยู่ในอุปกรณ์ หรือลบข้อมูลอย่างไม่ถูกต้อง เมื่ออุปกรณ์ตกไปอยู่ในมือข้อผู้ไม่หวังดี ข้อมูลดังกล่าวอาจสามารถกู้คืนหรือนำมาใช้ก่อให้เกิดความเสียหายได้ ซึ่งการลบข้อมูลอย่างถูกต้องนั้น จะต้องทำการรีเซ็ตข้อมูลทั้งหมด โดยหากมีให้เลือกล้างข้อมูล (Clean Data) ซึ่งอาจใช้เวลานานกว่า แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำ เพราะสามารถป้องกันการกู้คืนได้มากกว่าการลบแบบปกติ

การนำคลิปหรือภาพในลักษณะลามกอนาจารของบุคคลอื่นไปเผยแพร่ต่อบุคคลที่ 3 ในประการที่น่าจะทำให้บุคคลในภาพได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง จะเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

และหากคลิปหรือภาพนั้น ถูกในไปเผยแพร่ในประการที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ จะเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 และความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14 (4)

ส่วนร้านรับซื้อรับซ่อมคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือที่มีพฤติกรรมแอบเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ของเจ้าของโดยมิชอบ จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 7

หากประชาชนพบเห็นร้านรับซื้อรับซ่อมคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือรายใด มีพฤติกรรมแอบเข้าถึงหรือกู้ข้อมูลโดยไม่ได้รับความยินยอม กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

อ่านข่าวอื่น :

ตั้งคณะกรรมการสงฆ์ตรวจสอบปม "พระสงฆ์" เล่นเซ็กส์โฟน

"ทนายอนันตชัย" บุกกองปราบฯ แจ้งความกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต

เอาใจช่วย "พังแก้มป่อง" กินอาหารได้แล้ว-ลูกช้างคลอเคลียไม่ห่าง

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง