- 8 เรื่องควรรู้ ก่อนร่วมขบวน “Bangkok Pride Festival 2024” ครั้งที่ 3 ของไทย
- ประมวลภาพบรรยากาศ Bangkok Pride Festival 2024 เฉลิมฉลองสมรสเท่าเทียม
ความคืบหน้าการจับ "แป้ง นาโหนด" หรือ นายเชาวลิต ทองด้วง ผู้ต้องหาหลบหนีจากการถูกควบคุมตัวของเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช นาน 7 เดือน โดยถูกจับได้ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
วันนี้ (31 พ.ค.2567) พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช (ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช) กล่าวว่า เตรียมทีมพนักงานสอบสวนสอบคดี แป้ง นาโหนด หลบหนีการควบคุม พร้อมขยายผลผู้ร่วมขบวนการช่วยเหลือ ซึ่งได้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว 12 คนเหลือแค่ แป้ง นาโหนด ซึ่งจะเป็นคนสำคัญในการกำข้อมูลผู้ร่วมขบวนการ
ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจนครศรีธรรมราช ยังไม่ได้รับแจ้งว่าจะส่งตัวมาถึงเมื่อใด แต่ได้เตรียมทีมพนักงานสอบสวนสอบปากคำ และพนักงานสอบสวนจะมีอำนาจในการควบคุม 48 ชั่วโมง ซึ่งจะมีมาตรการควบคุมที่เข้มข้นขึ้น
ด้านนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ระหว่างติดราชการที่ กทม.เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า ให้ทางเรือนจำและราชทัณฑ์ ดูแลเข้มงวดเกี่ยวกับนักโทษให้มากกว่าเดิม หากมีนักโทษไม่ว่าจะมาจากที่ไหนมาอยู่ที่นี่ และเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา
การพาออกจากเรือนจำมารักษาตัว ต้องมีการแจ้งและประสานกับทางโรงพยาบาลและตำรวจในพื้นที่ให้ชัดเจน ต้องแจ้งทุกครั้งที่ออกมา ทางโรงพยาบาลหรือตำรวจในพื้นที่จะได้มีการจัดเตรียมการดูแล จะได้ไม่เกิดปัญหา
เช็กผู้ร่วมขบวนการพา "แป้ง" หนีคดี
ส่วนข้อสงสัยที่ยังคงต้องรอให้แป้ง นาโหนด มาตอบคือการมีอาการความดันตกจนอยู่ในขั้นวิกฤตนั้น เกิดจากมีผู้นำเอายาลดความดัน ให้กินแบบเกินขนาดหรือไม่ จนมีอาการบ่งชี้ให้แพทย์รับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการหลบหนี และมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ใครเป็นคนนำยาส่งให้หรือไม่
นอกจากนี้ แป้ง นาโหนด ยังมีคดีต่อสู้ขัดขวาง และพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ขณะเกิดการปะทะในป่าบนเทือกเขาบรรทัดระหว่างหลบซ้อนตัวด้วย
อ่านข่าว "ทวี" เผยรับตัว "แป้ง นาโหนด" กลับรับโทษ ถึงไทยวันอาทิตย์นี้
เส้นทางหนี "แป้ง นาโหนด"
กว่า 7 เดือน ที่หลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราช แป้ง นาโหนด หนีไปไกลถึงอินโดนิเซีย ทำทีพูดไม่ได้ ใช้พาสปอร์ตปลอม และอยู่ระหว่างขยายผลว่า มีใครให้การช่วงเหลืออีกหรือไม่
ยังไม่ชัดว่า นายแป้งหลบหนีออกจากประเทศไทย ทางช่องทางใด แต่เจ้าหน้าที่สนธิกำลังไล่ล่า บริเวณเทือกเขาบรรทัด รอยต่อ จ.พัทลุง และตรัง จนสืบสวน พบว่านายแป้งหลบหนีไปอยู่เมืองเมดัน ประเทศอินโดนิเซีย มีคอนโดมิเนียมอยู่ที่นั่น และถูกจับกุมขณะไปเที่ยวที่เกาะบาหลี
โดยทางการอินโดนิเซีย จะนำตัวมาที่กรุงจาการ์ตา และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม จะเดินทางไปรับตัว ด้วยตัวเองวันพรุ่งนี้ (1 มิ.ย.)
อ่านข่าว ตั้งกก.สอบ "ดับเพลิงบางเสาธง" ถูกจับใช้รถราชการซุกยาเค
เบื้องหลังจับแป้ง คดี ด.ต.หญิงเพลินพิศ
เบื้องหลังการจับ แป้ง นาโหนด มีความน่าสนใจว่าก่อนหน้านี้ มีคดีอุ้มเรียกค่าไถ่ชาวอินโดนีเซีย 3 คน กระทั่งตำรวจตามจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด เมื่อกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
คดีนี้มีผู้ต้องหาอย่างน้อย 2 คน เกี่ยวข้องกับ แป้ง นาโหนด ทั้งเป็นลูกน้องคนสนิท และอีกคนยังเป็นญาติ และเป็นตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 9 จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า ทั้ง 2 คดีนี้ มีความเกี่ยวข้องกัน
โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจช่วยเหลือชาวอินโดนีเซีย 3 คน ที่ถูกลูกน้องแป้ง นาโหนด จับตัวมาขัง ซ้อมทรมาน และเรียกค่าไถ่ ตำรวจเข้าช่วยเหลือ ได้จากบ้านพัก หลังจากได้รับแจ้งจากสถานกงสุลฯ อินโดนีเซีย จ.สงขลา
ต้นเรื่องมีชายคนไทย ไปรับชายชาวอินโดนีเซียและเพื่อน 3 คนจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นนำตัวมาขังที่บ้านหลังหนึ่งที่ ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง
ชายคนไทย ซ้อมทรมานผู้เสียหาย และอัดคลิปวิดีโอ พร้อมส่งคลิปไปให้น้องสาวผู้เสียหายที่ประเทศอินโดนีเซีย เรียกค่าไถ่ 2.3 ล้านบาท แต่ญาติส่งเงินให้แค่ 800,000 บาท ก่อนเข้าร้องขอความช่วยเหลือผ่านสถานทูตอินโดนีเซีย
ระหว่างช่วยเหลือผู้เสียหาย ตำรวจจับกุมชายคนไทยที่อยู่ในที่เกิดเหตุ คือ นายวีระศักดิ์ ทองอุบล หรือ ปาน พบว่าเป็นลูกน้องของ แป้ง นาโหนด
ต่อมาตำรวจ ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพัก อีก 2 แห่ง บ้านหลังแรก อยู่ในอำเภอเขาชัยสน จ.พัทลุง เป็นบ้านของเครือญาติ แป้ง นาโหนด บ้านหลังที่ 2 เป็นบ้านพักของ ด.ต.เพลินพิศ สังกัดสำนักงานตำรวจภูธรภาค 9 และเป็นเครือญาติของ นายแป้ง ด้วย
จุดเชื่อมโยงคดีนี้ กับคดีการหลบหนีของ แป้ง นาโหนด จึงถูกนำไปปะติดปะต่อ เป็นจิ๊กซอว์ เดียวกัน มีรายงานว่า ด.ต.เพลินพิศ ถูกสอบสวน จนกระทั่งอาจเปิดเผยข้อมูลว่า คดีเรียกค่าไถ่ชาวอินโดนีเซีย มีการแบ่งหน้าที่ แบ่งงานกันทำ
จากจุดนี้ ตำรวจจึงแกะรอย “บุคคล” ที่เดินทางไปพบ นายแป้ง และขยายผลสู่การจับกุมที่ประเทศอินโดนีเซีย
อ่านข่าวอื่นๆ