วันนี้ (6 มิ.ย.2567) นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ ว่าด้วยการพัฒนาศักยภาพองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อหนุนเสริมกลุ่มคนชายขอบ ให้เข้าถึงบริการสาธารณะและรับมือกับสภาวะโลกร้อน
ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กับ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) มูลนิธิแอ็คชั่นเอด อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ (มพน.) และมูลนิธิชุมชนไท (มชท.)
โดยมีผู้ร่วมลงนามคือ นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) น.ส.รุ่งทิพย์ อิ่มรุ่งเรือง ผู้จัดการโครงการและนโยบาย มูลนิธิแอคชั่นเอด อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
นายประยงค์ ดอกลำใย ผู้อำนวยการมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ นายไมตรี จงไกรจักร์ ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท และการเสวนาหัวข้อ “ความท้าทาย เป้าหมาย และรูปธรรมความร่วมมือหนุนเสริมกลุ่มคนชายขอบให้เข้าถึงบริการสาธารณะ” โดยผู้แทนจาก 6 หน่วยงานที่ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
นายอนุกูล กล่าวว่า ความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาศักยภาพองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อหนุนเสริมกลุ่มคนชายขอบ เข้าถึงบริการสาธารณะและรับมือกับสภาวะโลกร้อน เป็นความร่วมมือภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อหนุนเสริมกลุ่มคนชายขอบให้เข้าถึงบริการสาธารณะและรับมือกับสภาวะโลกร้อน
ซึ่งเป็นโครงการที่ภาคีภาคประชาสังคม ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (European Union) เพื่อดำเนินงานระหว่างเดือนม.ค.2567 – ธ.ค.2570
เพื่อพัฒนาความสามารถขององค์กรภาคประชาสังคม และกลุ่มคนชายขอบในด้านนโยบายและการเข้าถึงสิทธิของตน รวมถึงสร้างพื้นที่การทำงานร่วมกับภาครัฐ องค์กรท้องถิ่น และเครือข่ายประชาชน ในการออกแบบนโยบายที่ไม่แบ่งแยกกีดกัน และสามารถแก้ปัญหาความยากจน ความไม่เท่าเทียม และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง ชาติพันธุ์ชาวเลในพื้นที่ จ.สตูล คนไทยพลัดถิ่น จ.ระนอง เกษตรกรรายย่อยใน จ.พังงา กลุ่มชาติพันธุ์ใน จ.แม่ฮ่องสอน และคนจนเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นายอนุกูล กล่าวว่า สำหรับขอบเขตการดำเนินงานความร่วมมือครั้งนี้ กระทรวง พม. จะจัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนเพื่อดำเนินโครงการในระดับพื้นที่ การติดตามประเมินผล และการถอดบทเรียนการทำงานร่วมกันของภาคีเครือข่าย สนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการประสานชุมชนในพื้นที่เป้าหมาย
เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มชาติพันธุ์ได้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการ ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิ์ บูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและกลุ่มชาติพันธุ์ทุกมิติแบบองค์รวมให้ครอบคลุม สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
พร้อมทั้งสนับสนุนองค์ความรู้ เนื้อหาหลักสูตร และวิทยากรในการฝึกอบรมเพื่อสร้างความเข้าใจในการพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่กลุ่มเปราะบางและกลุ่มชาติพันธุ์ และส่งเสริมนวัตกรรมทางสังคม ที่เป็นการเตรียมความพร้อม และปรับตัวของกลุ่มเปราะบางและกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change)
น.ส.รุ่งทิพย์ อิ่มรุ่งเรือง ผู้จัดการโครงการและนโยบาย มูลนิธิแอคชั่นเอด อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเทศไทยมีความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ แต่ประโยชน์จากการพัฒนา ไม่ได้กระจายอย่างทั่วถึง ทำให้ประชากรกลุ่มที่อยู่สุดชายขอบของสังคมไม่สามารถเข้าถึงบริการของรัฐ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
กลุ่มคนไทยพลัดถิ่น เกษตรกรรายย่อย และกลุ่มชาติพันธุ์ ยังคงเผชิญความท้าทายจากความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และข้อจำกัด ในการเข้าถึงบริการสาธารณะที่พึงได้รับ ไม่ว่าจะเป็นบริการสุขภาพ สวัสดิการและการคุ้มครองทางสังคม
นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายด้านผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทางสหภาพยุโรปและภาคประชาสังคม จึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนชายขอบ บรรเทาผลกระทบจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) หลายเป้าหมาย
น.ส.รุ่งทิพย์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่าทุกฝ่ายจะให้ความร่วมมือในการส่งเสริมการจัดกิจกรรมด้านวิชาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มเปราะบางและกลุ่มชาติพันธุ์ สนับสนุนการสร้างกลไก ช่องทางรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ และเครือข่ายความร่วมมือไปสู่การทำงานร่วมกันของภาครัฐ หน่วยงานท้องถิ่น ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน เพื่อออกแบบนโยบายที่เป็นธรรมทางสังคมและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของกลุ่มเป้าหมาย โดยมีจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระนอง สตูล พังงา และกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่นำร่อง
อ่านข่าว :