ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ใต้เงาอิทธิพล "เสี่ยโจ้ " คนหนีคดียังล่องหน "เรือขนน้ำมันหาย "

อาชญากรรม
14 มิ.ย. 67
18:15
2,945
Logo Thai PBS
ใต้เงาอิทธิพล "เสี่ยโจ้ " คนหนีคดียังล่องหน "เรือขนน้ำมันหาย "
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ล่องหนไปอยู่ที่น่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เรือบรรทุกน้ำมัน 3 ลำ บรรจุน้ำมันเถื่อน 330,000 ลิตร ของกลางในคดีจอดอยู่ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่คดีอยู่ในความดูแลของตำรวจน้ำ แต่ขณะนี้ยังจับตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังไม่ได้  

ข้อมูลระบุว่า ก่อนที่เรือจะหายไป มีการย้ายเรือของกลางไปจอดทอดสมอห่างจากจุดเดิม 100 เมตร เพื่อหลบคลื่นลม และมีผู้ต้องหาประมาณ 10 คนที่อยู่บนฝั่ง ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 10 คนยังอยู่บนเรือ 

โดยลูกเรือคนหนึ่ง ได้คุยกับชาวบ้านและอ้างว่า "เขาเคลียร์กันไว้นานเเล้ว และตกลงกันว่า จะจ่ายลำละ 6 ล้านบาท รวม 30 ล้านบาท เเต่สุดท้าย ตกลงจ่ายกันที่ 1 ล้านบาท เเละนำเรือ 3 ลำออกไปก่อน เเล้วนำน้ำมันไปขาย"

หลังเรือของกลางหายลับตา นอกจากคำสั่งย้าย 2 ตำรวจเวร คือ ส.ต.อ.ธรรมรัตน์ เล็กมนตรา และ ส.ต.ท.อภิชาติ จันทร์หนู ในข้อหาปล่อยปละละเลย ไม่เข้มงวดในการดูแลเรือของกลาง และเด้งนายตำรวจที่มีส่วนรับผิดชอบ พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา กก.5 บก.รน., พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน.โดยให้ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และตั้งคณะกรรมการสอบสวนสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะประเด็น เรื่องการจ่ายสินบน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ปฏิบัติการกระตุกหนวดสีกากี ครั้งนี้ทำให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบ.ช.ก) ต้องส่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้ข้อมูลว่า ขณะนี้ เรือทั้ง 3 ลำออกจากน่านน้ำไทยไปยังประเทศกัมพูชาแล้ว โดย "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" หรือ "นายสหชัย เจียรเสริมสิน" ผู้ต้องหาคดีค้าน้ำมันเถื่อน ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ที่กัมพูชาและต้องการน้ำมันไปขายต่อ

เสมือนจะเงียบหายจากวงการไปตั้งแต่ปี 2557 หลังถูกออกหมายจับในหลายคดี แต่ "เสี่ยโจ้" สหชัย ก็คงยังวนเวียนอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ อย่างไร้รอยขีดข่วน แม้ในปี 2560-2561 มีการพบเสี่ยคนดังดอดกลับเข้ามาที่บ้านพักในเขตพื้นที่เมืองปัตตานี แต่กลับไม่ถูกจำคุก โดยตำรวจออกมาระบุว่า หมายจับของเสี่ยโจ้ได้ถูกยกเลิกตั้งแต่ปี 2557 เนื่องจากได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ใน กทม. เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2560 และวันที่ 10 ก.ย.2561

เส้นทางของเสี่ยโจ้ "สหชัย" เคยตกเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมตั้งแต่ปี 2555 ว่า เป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งและเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับธุรกิจสีเทาในพื้นที่ภาคใต้ จนทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องจับตามองอย่างต่อเนื่อง

นับตั้งแต่อพยพครอบครัวมาจาก จ.เพชรบุรี เริ่มทำธุรกิจใน จ.ปัตตานี ตั้งแต่ปี 2544 จากการเป็นเจ้าของแพปลาและจับธุรกิจประมง เป็นเจ้าของเรือประมงหลายลำ ต่อมาขยายธุรกิจเป็นเจ้าของ "ห้างหุ้นส่วนจำกัด สหทรัพย์ทวีค้าไม้" เขตอุตสาหกรรมบานา จ.ปัตตานี ทำธุรกิจนำเข้าไม้จาก ลาว และ มาเลเซีย สร้างรายรายได้สูงถึง 2,000-3,000 ล้านบาทต่อเดือน สร้างกำไรจนมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 180,000 ล้านบาท

ธุรกิจของเสี่ยโจ้ "สหชัย" ไม่ได้เฉพาะสั่งไม้เข้ามาขายในประเทศและส่งออกเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับธุรกิจนอกกฎหมาย ทั้งเป็นเจ้าของโต๊ะพนันฟุตบอล และหวยเถื่อนอีกด้วย ดังนั้นเมื่อถูกจับตาความเคลื่อนไหว เป็นผู้มีอิทธิพลและพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่จะถูกเข้าตรวจค้น

ในปี 2557 หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านและสถานประกอบการของ "เสี่ยโจ้" สหชัย ใน จ.ปัตตานี พบการกระทำผิด และดำเนินคดีหลายคดี เช่น คดีปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม หรือดวงตราประทับไม้ปลอมเพื่อนำไม้เข้ามาในราชอาณาจักร คดีกระทำผิด พ.ร.บ.โรงงาน ฐานประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุสื่อสาร

แม้จะเคยถูกควบคุมตัว โดนค้นบ้านพัก พบของกลางที่เป็นเอกสาร และหลักฐานที่นำไปสู่การดำเนินคดีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็สามารถหลุดรอดได้เกือบทุกครั้ง เนื่องจากใช้ร่มเงาของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จากทุกแวดวง ทั้งข้าราชการระดับสูงและนักการเมืองในอดีตและปัจจุบันของทุกพรรค เป็นเกราะกำบังให้ จึงทำให้ "เสี่ยโจ้" รอดพ้นจากเงื้อมมือของกฎหมายมาโดยตลอด

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับแก๊งขนเงินทั้งสกุลดอลลาร์สิงคโปร์ และริงกิตมาเลเซีย มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท ที่ถูกซุกอยู่ในลังเบียร์บนเรือสถาพรวัฒนา มุ่งไปยังเกาะโลซิน เกาะร้างที่ห่างจากชายฝั่งของ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ประมาณ 72 กิโลเมตร แต่เพราะถูกดักปล้นกลางทะเลจึงทำให้ความแตก เมื่อปลายเดือน ต.ค.2556 แม้ยังเป็นคดี ทว่าในที่สุดเรื่องก็เงียบหายไป เช่นเดียวกับเรื่องราวอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่

กระนั้นหากไล่เรียงคดีที่ "เสี่ยโจ้" สหชัย ถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2546-ปัจจุบัน พบว่า มีจำนวน 14 คดี คดีทั้งหมด มีเพิกถอนหมายจับ 1 คดี, คดีขาดอายุความ 1 คดี, ยกฟ้อง 3 คดี และสั่งไม่ฟ้อง 3 คดี

ปัจจุบัน "เสี่ยโจ้" สหชัย ยังมีหมายจับทั้งหมด 7 หมาย ทั้ง ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร, ปลอมแปลงเอกสารราชการ, ความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน ฐานเป็นเจ้ามือหวยเถื่อน, ความผิดฐานค้าน้ำมันเถื่อน และความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน ฐานประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยคดีส่วนใหญ่อยู่ในชั้นสอบสวน มีเพียงคดีเป็นเจ้ามือหวยเถื่อนเท่านั้นที่อยู่ในชั้นศาล และศาลมีคำพิพากษาแล้ว โดยสถานะของเสี่ยโจ้ "สหชัย" ในขณะนี้เป็นผู้ต้องหาหนีคดี โดยข้อมูลการข่าวของเจ้าหน้าที่ระบุว่า อยู่ในประเทศกัมพูชา และเรือน้ำมันที่หายไปจากอ่าวไทยทั้ง 3 ลำนั้น เกิดจากการสั่งการของบุคคลดังกล่าว

ทั้งนี้ข้อมูลคดีในอดีตและปัจจุบันของเสี่ยโจ้ "สหชัย" ทัั้งหมดประกอบด้วย

1. ปี 2546 สภ.สายบุรี ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำให้เรือซึ่งเป็นของกลางเสียหาย ในชั้นพนักงานสอบสวนมีการทำสำนวนคดีสั่งฟ้อง แต่ทางอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากขาดอายุความ

2. ปี 2546 สภ.เมืองปัตตานี ดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันนำของที่ยังไม่ได้เสียภาษีเข้ามาในราชอาณาจักร ต่อมาศาลมีความเห็นสั่งยกฟ้อง

3. ปี 2546 สภ.เมืองปัตตานี ดำเนินคดีข้อหา เล่นการพนันสลากกินรวบ ศาลมีความเห็นยกฟ้อง

4. ปี 2555 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือให้ถ้อยคำเท็จต่อเจ้าพนักงาน ก่อนต่อมาอัยการจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง

5. ปี2555 กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังมิได้เสียภาษีเข้ามาในราชอาณาจักร ต่อมาอัยการมีความเห็นให้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม

6. ปี 2557 สภ.เมืองปัตตานี ดำเนินคดีข้อหา ทำขึ้นหรือปลอมขึ้นซึ่งดวงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ ศาลสั่งจำคุก 1 ปี 9 เดือน

7. ปี 2557 สภ.เมืองปัตตานี ดำเนินคดีข้อหา เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้กับทาง ป.ป.ท. พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

8. ปี 2557 สภ.เมืองปัตตานี ดำเนินคดีข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับการอนุญาต

9. ปี 2557 สภ.เมืองปัตตานี ดำเนินคดีปลอมเอกสาร พนักงานสอบสวนและอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง

10. ปี 2557 สภ.เมืองปัตตานี คดีหลบหนีไประหว่างการควบคุมดูของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนหลังมีการถอนหมายจับ

11. ปี 2557 สภ.เมืองสมุทรปราการ ดำเนินคดีข้อหา ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินประโยชน์อื่นใด เบื้องต้นอัยการสั่งไม่ฟ้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างอัยการสูงสุดพิจารณาความเห็นชี้ขาด

12. ปี 2561 สภ.เมืองปัตตานี ดำเนินคดีหลบหนีระหว่างคุมขังตามอำนาจศาล ขณะนี้ทางศาลจังหวัดปัตตานีได้มีการออกเป็นหมายจับที่ จ.559/2561

13. ปี 2561 สน.บางเขน ดำเนินคดีข้อหา เป็นเจ้าของเรือแต่ไม่ได้ดำเนินการติดตั้งระบบติดตาม ขาดอายุความ

14. ปี 2561 สภ.เมืองชลบุรี ดำเนินคดีข้อหา ครอบครองเรือที่ไม่มีใบอนุญาตในการทำการประมงเพื่อทำการประมง คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวน

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า สำหรับสำนวนคดีค้าน้ำมันเถื่อนของเสี่ยโจ้ "สหชัย" ที่อยู่ในอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร คดีนี้เป็นคดีเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร เป็นอำนาจการสั่งคดีของ อสส.

โดย อสส. สมัยนั้นคือ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ ได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน ปอศ. สอบสวนเพิ่มเติมตั้งแต่ปี 2560-2561 ใน 2 ประเด็น คือ ให้คำนวณภาษีน้ำมันที่จับกุมได้ว่าเป็นเงินเท่าไร และเงินริงกิตมาเลเซียที่ยึดได้คิดเป็นเงินไทยเท่าไร

โดยเมื่อเดือน ต.ค.2563 อัยการได้ทำหนังสือเตือนแจ้งให้พนักงานสอบสวนเร่งส่งผลสอบเพิ่มมา แต่จนถึงขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ส่งผลการสอบเพิ่มมาให้อัยการแต่อย่างใด อัยการจึงยังสั่งคดีนี้ไม่ได้ ส่วนคดีที่อัยการจังหวัดปัตตานีนั้นมีทั้งหมด 5 สำนวน ทุกคดียุติหมดแล้ว

ยังคงต้องติดตามว่า เรือบรรทุกน้ำมันที่หายไปจากอ่าวไทยที่ไปโผล่ประเทศเพื่อนบ้านนั้น จะสามารถจับมือใครดมได้หรือไม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องและผู้บงการ ซึ่งยังเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีได้อย่างไร

ข้อมูล :สำนักข่าวอิศรา และสำนักงานอัยการสูงสุด

อ่านข่าวเพิ่ม : 

แจงปม "กระบะดำ" ขับเข้าท่าเรือเป็นรถตำรวจน้ำ-เร่งหาเรือของกลาง

เปิดภาพก่อน "เรือน้ำมันเถื่อน" หายปริศนา 3 ลำ

เด้ง ผกก.ตำรวจน้ำ พร้อมพวกรวม 4 คน เซ่นเรือน้ำมันเถื่อนหาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง