ขอเริ่มที่ยาเสพติด เนื่องจากวันที่ 26 มิถุนายน 2567 นี้ ทั่วโลกถือว่าเป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก และจากสถิติพบว่ามีจำนวนยาบ้าที่ไทยตรวจยึดเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ผ่านๆมากว่าร้อยละ 146.24 หรือ 146.24 เปอร์เซ็นต์ และ ไอซ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 หรือ 47 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณอย่างมีนัยยะ
“ศูนย์ข่าวภาคเหนือ ไทยพีบีเอส” ตรวจสอบกับผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดระหว่างประเทศ พบว่า จุดพักยาเสพติดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ตรงข้ามจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย มียาบ้าไม่ต่ำกว่า 90 ล้านเม็ด และ ไอซ์กว่า 2 ตัน
![](https://news.thaipbs.or.th/media/BRpLwT0TYaGXOF4tVvkQz5H5B4oAEcxgVJRpaflPQb36g.jpg)
รวมทั้งอยู่ระหว่างการขนย้ายจากโรงงานผลิตยาเสพติด ของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ใหญ่อันดับต้นๆของเมียนมา ในพื้นที่รัฐฉานเหนือ กระจายมาไว้ในฐานปฏิบัติการทางทหารของของตนเองในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ตรงข้ามจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
เพื่อรอส่งต่อให้กับขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศที่จะมารับตามแนวเขตชายแดน
ซึ่งกระบวนการส่งมอบจะมีกองกำลังติดอาวุธคุ้มกันทุกครั้ง ทำให้มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ประเทศไทยหลายครั้งในระหว่างการขนเพื่อส่งมอบให้ขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศ
นอกจากนี้ ยังพบมีการเคลื่อนไหวอย่างผิดสังเกตของ เจ้าหน้าที่ของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ใหญ่ทางตอนเหนือรัฐฉาน ซึ่งมีหน้าที่ประสานงานกับขบวนการค้ายาเสพติด ในพื้นที่ท่าเรือสบหลวย ในเขตปกครองพิเศษที่ 4 (เมืองลา) รวมทั้งการเคลื่อนไหวของบุคคลที่มีประวัติในการขนย้ายยาเสพติดทางเรือ
ทั้งนี้ท่าเรือสบหลวย เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าแม่น้ำโขงตอนบนที่สำคัญ ต้นทางอยู่ที่ท่าเรือกวนเหล่ย เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนาน สป.จีน ปลายทางคือ ท่าเรือเชียงแสน ประเทศไทย
ที่ผ่านมาแม่น้ำโขงเป็นอีก 1 เส้นทาง ที่ใช้ลำเลียงยาเสพติดจากรัฐฉานตอนบน โดยขบวนการค้ายาเสพติดจะขนยาเสพติดมากับเรือขนส่ง ปลายทางท่าเรือมังกร เมืองต้นผึ้ง สปป.ลาว หรือ ขนลงพักในพื้นที่บ้านป่าแลว เมืองเชียงราบ ฝั่งเมียนมา เพื่อรอการขนข้ามฝั่งน้ำโขงเข้าไปในเขต สปป.ลาว เพื่อขนต่อเข้าทาง อ.เวียงแกน จ.เชียงราย หรือ ไปเข้าในพื้นที่ภาคอีสาน ประเทศไทย
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT5WQP7zUA8E7R7QcWKqQ28jyQH.jpg)
สอดคล้องกับข้อมูลของ หน่วยหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือ ที่ระบุว่า เดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม มีการตรวจยึดยาเสพติดครั้งใหญ่ในพื้นที่ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ด้านตรงข้าม อ.เทิง จ. เชียงราย ทำให้ระบุได้ว่า เส้นทาง อ.เวียงแก่น อ.เทิง จังหวัดเชียงรายยังเป็นเส้นทางสำคัญในการขนย้ายเข้าประเทศ และยังมีปริมาณยาเสพติดพักคอยเพื่อรอการขนย้าย
สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนด้านจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย เริ่มทวีความรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ปีพ.ศ. 2560 - พ.ศ. 2561 รัฐบาลไทยกำหนดให้การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเริ่มค้ายาเสพติดเพื่อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับเพิ่มศักยภาพและพัฒนากองกำลังของตน
“ศูนย์ข่าวภาคเหนือ ไทยพีบีเอส” จะขอสำรวจคร่าวๆ ว่า ใครผลิต ใครเกี่ยวข้อง และเส้นทางลำเลียงเข้าประเทศไทย ขบวนการค้าเสพติดนิยมใช้เส้นทางไหน
ในอดีตเงื่อนไขสำคัญในการมอบพื้นที่เขตปกครองพิเศษให้กับชาติพันธุ์พันธมิตรของเมียนมา คือการพัฒนาความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ในพื้นที่ให้ดีกว่าสภาพเดิม เป็นเหตุเจ้าของพื้นที่ต้องไปเกี่ยวข้องหรือผลิตยาเสพติด เพื่อนำเงินมาเพิ่มศักยภาพพื้นที่ และประชาชน รวมทั้งพัฒนากองกำลังของตน
และเมื่อมีครบทั้งพื้นที่ปกครองหรือพื้นที่อิทธิพล และกองกำลังติดอาวุธของตนเอง ปัจจัยหลักที่ผู้ผลิตยาเสพติดต้องมี ทำให้ชาติพันธุ์ติดอาวุธหลายกลุ่มเริ่มก่อตั้งโรงงานผลิตยาเสพติดทันที
ในที่นี้จะขอแบ่งผู้ผลิตยาเสพติด เป็น 2 ส่วน คือ
1. ผู้ผลิตหลัก
2. ผู้ผลิตรอง
ผู้ผลิตหลัก - พื้นที่พัฒนา น้ำติ๊ด หรือ น้ำตั้ด เมืองโหปัง 1 แห่ง , พื้นที่พัฒนาหนองเขียว 1 แห่ง และพื้นที่พัฒนาน้ำป่างเขตปดครองพิเศษที่ 4 ความสามารถผลิต เฮโรอีน ยาบ้าแบบเม็ดสำเร็จรูป ยาบ้าแบบผง และไฮซ์,
โดยผู้ผลิตหลัก 2 รายแรก เมื่อผลิตแล้วส่งต่อให้หน่วยทหารในสังกัดพื้นที่ บ้านห้วยอ้อ, เมืองจ็อด ,เมืองทาใหม่ เขตรัฐฉานใต้ และกลุ่มเครือข่าย ชายแดนตรงข้ามจังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่
ส่วนผู้ผลิตหลักรายที่ 3 จะส่งไปพักพื้นที่ชายแดนตรงข้ามจังหวัดเชียงราย เพื่อรอส่งเข้า สสป.ลาว รวมทั้งส่งยาบ้าแบบผง ไปแหล่งผลิตรองบ้านน้ำรวก ชายแดนตรงข้ามจังหวัดเชียงราย
ผู้ผลิตรอง เป็นโรงงานขนาดกลาง บางครั้งรับยาบ้าแบบผง จากผู้ผลิตหลักมาผลิตต่อ แหล่งผลิตในเมืองกุนฮิง รัฐฉานเหนือ ,ดอยสามสูง เมืองสาด ,เมืองทาใหม่ ,เมืองนาย จ.ดอยแหลม ,บ้านอีก้อปางหิน เมืองก๊ก จ.ท่าขี้เหล็ก ,บ้านปู่นาโก-บ้านแม่โจ๊ก จ.ท่าขี้เหล็ก บ้านน้ำปุ๋ง เมืองกาน,บ้านปงถุน จ.ท่าขี้เหล็ก ,ขุนน้ำลวก เมืองไฮ ,บ้านผาวอก-ผ้าขาว จ.ท่าขี้เหล็ก ,บ้านหัวป่าง บ้านหัวยอด ,บ้านน้ำฮูโป่งตอง และบ้านหนองปลาดำ
ด้วยแนวชายแดนประเทศไทยและประเทศเมียนมา ติดต่อกันประมาณ 2401 กิโลเมตร ตั้งแต่ตรงข้ามจังหวัดเชียงราย ถึงจังหวัดระนอง และในส่วนจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอนมีความยาวประมาณ 718 กิโลเมตร ทำให้ขบวนการสามารถลับลอบนำเข้าประเทศได้ง่าย ตลอดเส้นทาง แต่ที่นิยมยังจะเป็นช่องทางธรรมชาติ
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT5WQP7zUA8E7R82oTOw2RZNDzE.jpg)
ส่วนแหล่งพักคอยยาเสพติดเพื่อรอเข้าประเทศไทยที่สำคัญยังคงเป็นพื้นที่
-บ้านปูนาโก่ และบ้านแม่โจ๊ก ด้านตรงข้ามอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
-เมืองยองปัง ด้านตรงข้ามอำเภอแม่อาย/บ้านนากองมูด้านตรงข้ามอำเภอฝาง/บ้านโป่งป่าแขม ด้านตรงข้ามอำเภอชัยปราการ/และอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
-บ้านหัวเมือง ด้านตรงข้ามอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พล.ต.นิรันดร์ชัย ทิพย์กาญจนกุล รอง ผบ.นบ.ยส.35 (หน่วยหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือ) ระบุว่า จากความเข้มข้นในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพของไทย ทำให้กลุ่มขบวนการปรับเปลี่ยนเส้นทางและรูปแบบลักลอบขนยาเสพติด รัฐบาลไทยจึงประกาศพื้นที่ชายแดนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพิ่มเติม ที่จากเดิมมีทั้งหมด 11 อำเภอ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา
![พล.ต.นิรันดร์ชัย ทิพย์กาญจนกุล รอง ผบ.นบ.ยส.35
(หน่วยหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือ)](https://news.thaipbs.or.th/media/BRpLwT0TYaGXOF4tVvkQz5H5B4oAEcxgXqPf0Jff9uyCK.jpg)
พล.ต.นิรันดร์ชัย ทิพย์กาญจนกุล รอง ผบ.นบ.ยส.35 (หน่วยหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือ)
คือ 1.อำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2.อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย 3.อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา 4.อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน 5.อำเภอแม่สอด และอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับชายเเดนเมียนมา ให้เป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเเก้ไขปัญหายาเสพติดเพิ่มเติม
พร้อมบูรณาการให้ตำรวจรับผิดชอบพื้นที่ชายแดน เเละพื้นที่ตอนในในการจับกุม ขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด และ ป.ป.ส.เน้นสร้างความเข้มเเข็งในชุมชน 139 หมู่บ้านผ่านฝ่ายปกครอง
ล่าสุดจากการที่ไทยมีนโยบายเข้มในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พบว่าขบวนการยาเสพติดได้เริ่มใช้ 3 เส้นทางขนเพื่อขนถ่ายเข้าไทย มีกองกำลังติดอาวุธที่เป็นกลุ่มพันธมิตร และกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) บางส่วนให้การช่วยเหลือ คือ
1.ผ่านลาว เข้าภาคอีสาน ปัจจุบันแป็นเส้นทางที่นิยม เนื่องจาก ด่านยาเสพติด ในพื้นที่ภาคอีสานน้อย จากนั้นกระจายส่งต่อแหล่งพัก เพื่อส่งต่อลูกค้า
2.ลำเลียงตามพื้นที่ถนนรองจากภาคเหนือรัฐฉาน เป้าหมาย เมืองทวาย เข้าจังหวัดกาญจนบุรี
3.ลำเลียงตามพื้นที่ถนนรองจากภาคเหนือรัฐฉาน เป้าหมายพื้นที่อิทธิพลกองกำลังติดอาวุธชาติพันธ์ุในจังหวัดตาก
สำหรับการลำเลียงยาเสพติดไอซ์ และเคตามีน จะหลีกเลี่ยงเส้นทางภาคเหนือ เนื่องยาเสพติดมีจำนวนมาก หากตรวจยึดได้จะไม่คุ้มทุน เนื่องจาก ต้นทุนสูงกว่า ยาบ้า หรือเฮโรอีน หลายสิบเท่าตัวตัว เมื่อไอซ์ และเคตามีน จะเข้าไทย จะมีขบวนการในประเทศ ลำเลียงซุกซ่อนมากับสินค้า เช่น เหล็กเส้น ,ปูนซีเมนต์ ซึ่งจะเป็นสินค้าที่หนัก ขนาดใหญ่ ยากต่อการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ และที่สำคัญจะใช้รถที่ขนส่งเส้นทางนั้นประจำ เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตของเจ้าหน้าที่
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT5WQP7zUA8E7R4kCiP1n2VlL45.jpg)
เมื่อรวบรวมของได้ จะลำเลียงลงเรือพาณิชย์ โดยเป้าหมายที่แท้จริงของขบวนการไม่ใช่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่คือ ญีปุ่น ,นิวซีแลนด์ ,สหรัฐอเมริการ และประเทศตะวันตก
การสกัดกั้น ตรวจยึดยาเสพติดในช่วง 2566-2567(ปัจจุบัน)
พื้นที่ชั้นนอก บริเวณชายเเดน มีการปะทะกับกลุ่มขบวนการฯจำนวน 36 เหตุการณ์ โดยโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ชายแดนของอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
พื้นที่ชั้นในประเทศ มีทั้งหมด 54 เหตุการณ์ ผ่านการปิดล้อมตรวจค้น และขยายผลยึดทรัพย์กลุ่มกลุ่มขบวนการรายสำคัญจำนวน 5 เหตุการณ์
สถิติการจับกุมตรวจยึด ยาบ้า 179 ล้านเม็ด ไอซ์จำนวน 1890 กิโลกรัม กลุ่มขบวนการเสียชีวิต 25 ศพ อายัดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในห้วงเวลาเดียวกัน พบว่าการตรวจยึดยาบ้าเพิ่มมากขึ้นกว่าเท่าตัว อยู่ที่ร้อยละ 161 ส่วนไอซ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 47
“ศูนย์ข่าวภาคเหนือ ไทยพีบีเอส” จะคงเกาะติดและเจาะลึก 5 ผลกระทบที่ได้ประเทศไทย ได้รับจากสงครามภายในประเทศเพื่อนบ้านอย่างละเอียด มานำเสนอทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ ต่อไป โดยสัปดาห์หน้าจะเจาะลึกประเด็นผลกระทบเศรษกิจกับประเทศไทย
รายงาน : ทีมศูนย์ข่าวภาคเหนือ