ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ย้อนเหตุการณ์ "ลอบสังหารผู้นำ" เหตุรุนแรงทางการเมืองสหรัฐฯ

ต่างประเทศ
15 ก.ค. 67
10:26
3,146
Logo Thai PBS
ย้อนเหตุการณ์ "ลอบสังหารผู้นำ" เหตุรุนแรงทางการเมืองสหรัฐฯ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ย้อนรอยเหตุการณ์ลอบสังหารผู้นำสหรัฐอเมริกาที่โด่งดังในอดีต โดยมีอดีตประธานาธิบดีหลายคนเสียชีวิต ถือเป็นเหตุรุนแรงทางการเมืองในสหรัฐฯ

เหตุการณ์ที่โลกไม่ลืมคือการลอบสังหาร John F. Kennedy ระหว่างขบวนรถของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคลื่อนผ่านใจกลางเมือง Dallas, Texas เมื่อปี 1963 โดยเคนเนดีเป็น 1 ใน 4 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ถูกลอบสังหารเสียชีวิตระหว่างอยู่ในตำแหน่ง ส่วนอีก 3 คนคือ Abraham Lincoln ปี 1865, James Garfield ปี 1881 และ William McKinley ปี 1901

ขณะที่ Gerald Ford ซึ่งถูกพยายามลอบสังหารถึง 2 ครั้ง ห่างกันเพียง 17 วัน ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 1975 แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ และ Theodore Roosevelt ซึ่งถูกยิงที่หน้าอกระหว่างหาเสียงในปี 1912 แต่รอดมาได้

อดีตประธานาธิบดี John F. Kennedy ถูกลอบสังหารขณะขบวนรถเคลื่อนผ่านใจกลางเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เมื่อปี 1963

อดีตประธานาธิบดี John F. Kennedy ถูกลอบสังหารขณะขบวนรถเคลื่อนผ่านใจกลางเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เมื่อปี 1963

อดีตประธานาธิบดี John F. Kennedy ถูกลอบสังหารขณะขบวนรถเคลื่อนผ่านใจกลางเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เมื่อปี 1963

นอกจากนี้ยังมี Ronald Reagan ที่ถูกลอบยิงในปี 1981 หน้าโรงแรมหรูใจกลางกรุงวอชิงตัน ดีซี ท่ามกลางความแตกตื่นของสื่อและผู้ติดตาม กับเจ้าหน้าที่อารักขาที่ระงับเหตุอย่างรวดเร็ว โดยเหตุลอบยิง Reagan แม้ว่าแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองโดยตรง แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้คะแนนนิยมในตัว Reagan พุ่งสูงขึ้น หลังจากเขากล่าวถึงเหตุการณ์นั้นด้วยอารมณ์ขันและแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรับมือกับเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี

ส่วนเหตุรุนแรงล่าสุดทำให้ Donald Trump เป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนล่าสุดที่เผชิญเหตุลอบสังหารและรอดชีวิตมาได้ แม้จะได้รับบาดเจ็บ

อ่านข่าว : สหรัฐฯ เร่งสอบเหตุลอบยิง "ทรัมป์" ผู้นำทั่วโลกประณามเหตุรุนแรง

อดีตประธานาธิบดี Ronald Reagan โบกมือให้ฝูงชนหลังเดินออกจากโรงแรมในกรุงวอชิงตัน ดีซี ก่อนเกิดเหตุการณ์พยายามลอบสังหาร เมื่อปี 1981

อดีตประธานาธิบดี Ronald Reagan โบกมือให้ฝูงชนหลังเดินออกจากโรงแรมในกรุงวอชิงตัน ดีซี ก่อนเกิดเหตุการณ์พยายามลอบสังหาร เมื่อปี 1981

อดีตประธานาธิบดี Ronald Reagan โบกมือให้ฝูงชนหลังเดินออกจากโรงแรมในกรุงวอชิงตัน ดีซี ก่อนเกิดเหตุการณ์พยายามลอบสังหาร เมื่อปี 1981

หากย้อนดูเหตุร้ายในช่วงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ 9 คนล่าสุดคือคนที่ 38-46 มีถึง 7 คนที่ตกเป็นเป้าการประทุษร้าย หรือถูกพยายามลอบสังหารหมายปองชีวิต

รายงานฉบับล่าสุดของหน่วยงานวิจัยในสังกัดสภาสหรัฐฯ ที่อ้างข้อมูลหน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า ทั้งอดีตประธานาธิบดี Barack Obama, Donald Trump และ Joe Biden ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ต่างก็เคยตกเป็นเป้าความรุนแรงทั้งหมด แม้จะไม่ได้เป็นข่าวให้เห็นในหน้าสื่อก็ตาม

หากมองกว้าง ๆ ในบรรดาประธานาธิบดีสหรัฐฯ 45 คน มีถึง 13 คนหรือราวร้อยละ 29 ที่เคยเผชิญเหตุลอบสังหารทั้งที่สำเร็จและล้มเหลว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวไม่ได้นับรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Trump ล่าสุด

และหากขยับมาดูเหตุรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อีกเหตุที่ผู้คนจดจำแม้จะไม่ได้เกิดกับคนระดับประธานาธิบดี แต่ก็เป็นครอบครัวของนักการเมืองชื่อดังและได้รับความสนใจ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน ต.ค.2022 Paul Pelosi สามีของ Nancy Pelosi ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในขณะนั้น ถูกผู้ก่อเหตุที่มีแนวคิดทางการเมืองแบบขวาจัดบุกทำร้ายถึงบ้านพักที่นครซาน ฟรานซิสโก ซึ่งผู้ก่อเหตุรระบุว่าตั้งใจเข้าไปจับแนนซี เพโลซี เป็นตัวประกันเพื่อทำร้ายเธอ โดยขู่ว่าจะทุบสะบ้าเข่าเธอให้แตก แต่เธอไม่ได้อยู่mujบ้านในวันเกิดเหตุ

อดีตประธานาธิบดี Donald Trump ถูกลอบยิงระหว่างการปราศรัยในรัฐเพนน์ซิลเวเนีย เมื่อปี 2024

อดีตประธานาธิบดี Donald Trump ถูกลอบยิงระหว่างการปราศรัยในรัฐเพนน์ซิลเวเนีย เมื่อปี 2024

อดีตประธานาธิบดี Donald Trump ถูกลอบยิงระหว่างการปราศรัยในรัฐเพนน์ซิลเวเนีย เมื่อปี 2024

จากเหตุรุนแรงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองอเมริกัน มีผลสำรวจชิ้นหนึ่งจัดทำโดยนักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชิคาโก สำรวจความเห็นชาวอเมริกันต่อความรุนแรงทางการเมือง เมื่อเดือน มิ.ย.2024 พบว่า ชาวอเมริกันที่ตอบแบบสอบถามร้อยละ 10 มองว่าการใช้ความรุนแรงเพื่อขัดขวาง Trump ไม่ให้ได้เป็นประธานาธิบดี เป็นเรื่องสมควร ในจำนวนนี้มากถึง 1 ใน 3 คนมีอาวุธปืนในครอบครอง ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามอีกร้อยละ 7 มองว่า การใช้ความรุนแรงเพื่อสนับสนุน Trump ให้ได้นั่งเก้าอี้ผู้นำอีกสมัยเป็นเรื่องเหมาะสม โดยในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งมีอาวุธปืนในครอบครอง

การสำรวจอีกชิ้นหนึ่งเมื่อเดือน ต.ค.2023 โดยโครงการวิจัยด้านการป้องกันเหตุรุนแรงจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิส พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามประมาณร้อยละ 14 เชื่อมั่นว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในสหรัฐฯ ขณะที่อีกกว่าร้อยละ 8 เชื่อว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเกิดสถานการณ์ที่ทำให้ความรุนแรงทางการเมืองกลายเป็นสิ่งที่คนทั่ว ๆ ไปมองว่าเหมาะสม และพวกเขายังวางแผนที่จะติดอาวุธเพื่อป้องกันตัวเอง

อ่านข่าว

"ไบเดน" สั่งยกระดับรักษาความปลอดภัยรอบตัว "ทรัมป์"

รู้ตัวแล้ว! มือปืนวัย 20 ปีลอบยิง "ทรัมป์" ตร.สอบสวนพ่อหาสาเหตุ

ไม่มีช่องว่างให้ความผิดพลาด รู้จัก "หน่วยข่าวกรองแห่งสหรัฐฯ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง