เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2567 สำนักข่าว BBC รายงานว่า รัฐบาลจีนจะค่อยๆ ปรับเพิ่มอายุเกษียณตามกฎหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อพยายามรับมือกับประชากรสูงอายุที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น และการต้องรัดเข็มขัดระบบเงินบำนาญ
ปัจจุบันอายุขัยของประชากรจีนเพิ่มขึ้นจาก 36 ปีเป็น 78 ปี ซึ่งสูงกว่าประชากรในสหรัฐฯ ขณะที่อายุเกษียณของจีนถือว่าต่ำที่สุดประเทศหนึ่งของโลก โดยสำหรับผู้ชายอยู่ที่ 60 ปี สำหรับผู้หญิงที่ทำงานออฟฟิสอยู่ที่ 55 ปี ส่วนผู้หญิงในชนชั้นแรงงานอยู่ที่ 50 ปี
แผนการเพิ่มอายุเกษียณนี้เป็นส่วนหนึ่งของมติที่ได้รับการอนุมัติในที่ประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ Third Plenum เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมกลางระบุว่าจะผลักดันการปฏิรูปเพื่อเพิ่มอายุเกษียณอย่างค่อยเป็นค่อยไปในลักษณะที่รอบคอบและเป็นระเบียบ โดยจีนพิจารณาแผนการเพิ่มอายุเกษียณมาหลายปีแล้วท่ามกลางงบประมาณเงินบำนาญของจีนกำลังลดลง
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมกลางพรรคไม่ได้ระบุว่าอายุเกษียณจะเพิ่มขึ้นเท่าใดและการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่รายงานของ China Pension Development Report หรือการพัฒนาเงินบำนาญของจีนที่เผยแพร่เมื่อปลายปี 2023 ชี้ว่าอาจอยู่ที่ 65 ปี
สถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์จีน เปิดเผยเมื่อปี 2019 ว่า เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญหลักของจีนจะหมดลงภายในปี 2035 ซึ่งเป็นการประมาณการก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ขณะเดียวกันเมื่อปี 2023 จำนวนประชากรของจีนลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ท่ามกลางอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
แผนการปรับอายุเกษียณนี้ก่อให้เกิดการตั้งคำถามบนโลกออนไลน์เป็นวงกว้าง ผู้ใช้งาน Weibo คนหนึ่งระบุว่า คนที่ต้องการเกษียณก่อนกำหนดมักจะเป็นกลุ่มที่เหนื่อยล้าจากงานหนัก แต่คนที่ทำงานสบายและมีรายได้ดีจะไม่เลือกที่จะเกษียณ แล้วคนรุ่นใหม่จะลงเอยด้วยงานประเภทไหน ขณะที่บางคนระบุว่า การเกษียณอายุล่าช้าหมายถึงจะได้เงินบำนาญล่าช้าและไม่มีอะไรรับประกันว่าจะยังมีงานทำก่อนถึงอายุเกษียณตามกฎหมาย
อ่านข่าว
เปิดประวัติ "คามาลา แฮร์ริส" ตัวเต็งชิงเก้าอี้ ปธน.สหรัฐฯ