ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“เสี่ยหนู-กัญชา” กลับมาผงาด ตรงข้าม “เศรษฐา” ต้องลุ้นหนัก

การเมือง
25 ก.ค. 67
15:58
237
Logo Thai PBS
“เสี่ยหนู-กัญชา” กลับมาผงาด ตรงข้าม “เศรษฐา” ต้องลุ้นหนัก
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

พรรคภูมิใจไทยกำลังดวงขึ้น จนหัวหน้าพรรคนายอนุทิน ชาญวีรกูล ถูกแซวว่า โหงวเฮ้งดีมีราศีจับ กำลังชื่นมื่นเมื่อนโยบายเรือธงอย่าง “กัญชาเสรี” ที่ใช้หาเสียงอย่างได้ผลในการเลือกตั้งปี 2562 และ 2566 กำลังได้ไปต่อ ไม่ต้องถูกดึงกลับไปเป็นยาเสพติด ประเภทที่ 5 ดังที่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน พยายามเดินหน้า ท่ามกลางความไม่พอใจของนายอนุทิน

ถึงขั้นขู่จะโหวตสวนในการประชุมบอร์ด ป.ป.ส. หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ที่มีนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้เป็นประธาน ซึ่งหากมีการโหวตสวนจริง จะส่งผลต่อภาพพจน์และความน่าเชื่อของรัฐบาล เพราะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันยังลงเรือคนละลำ

ประกอบกับ สว.ค่ายใหญ่สีน้ำเงิน ยึดสภาสูงหรือวุฒิสภาไว้ได้เบ็ดเสร็จ และการเลือกประธานและรองประธานวุฒิฯเป็นไปตามโผ ยิ่งสะท้อนชัดว่า ดุลอำนาจทางการเมืองได้เปลี่ยนไปแล้ว

“ปฏิญญาเขาใหญ่” จึงเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์ และการจับตาใกล้ชิดของคอการเมืองพันธุ์แท้ ที่ตีความหมายไปในทางเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน และยิ่งเพิ่มองศาเดือดมากขึ้น เมื่อเห็นว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นคนเดินทางไปหานายอนุทินถึงถิ่นที่เขาใหญ่ เป็นนัยว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และมีสะท้อนว่า อำนาจต่อรองทางการเมืองของใครเหนือกว่ากัน

เพราะโดยปกติ นักการเมืองต้องเดินทางไปพบหรือไปดักรอเจอนายทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ หรือจังหวัดอื่น ๆ หรือแม้แต่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” หากได้รับไฟเขียว แม้แต่นายกฯ นายเศรษฐา ก็เคยเดินทางไปพบนายทักษิณ 2 ครั้งแล้ว แทนที่นายทักษิณจะเดินทางไปหานายกฯ

ต่างจากครั้งนี้ ที่นายทักษิณเป็นฝ่ายเดินทางไปหา ไม่เพียงเท่านั้น การพบกันครั้งนี้ ยังมี “ระดับบิ๊ก” ฝ่ายปกครองและนักธุรกิจใหญ่ ผู้บริหารบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ ผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย และผู้บริหาร บริษัท ปตท. จำกัด ร่วมก๊วนตีกอล์ฟ และยังมีเป้าประสงค์ให้เป็นภาพข่าวปรากฏสู่สายตาคนวงนอกอย่างตั้งใจ

เพราะภาพข่าวความเคลื่อนไหวหนนี้ เริ่มต้นจากการโพสต์ผ่านอินสตาแกรมของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นคนแรก จากนั้นเป็นไปตามคาด คือเรียกความสนใจจากสื่อที่เกาะติดข่าวนี้อย่างต่อเนื่อง สื่อสารชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 พรรคใหญ่ เพื่อไทยและภูมิใจไทย รวมทั้งนายทักษิณกับนายอนุทิน ยังแน่นปึ๊ก และกลุ่มทุนธุรกิจยักษ์ใหญ่ ยังพร้อมร่วมเดินเคียงข้าง

ไม่เพียงเรื่องการประสานดุลอำนาจทางการเมืองเท่านั้น ที่เชื่อว่าจบลงจากปฏิญาเขาใหญ่ แต่ยังถูกคาดหมายว่ารวมถึงข้อบาดหมางเรื่องกัญชาระหว่างรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย กับนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยด้วย

เพราะก่อนหน้านี้นายเศรษฐา ประกาศชัดจะดึงกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด โดยมีนายสมศักดิ์ขานรับ อ้างข้อมูล 2 ปีที่ถอดกัญชาจากยาเสพติด วัยรุ่นเสพเพิ่มขึ้น 10 เท่า และอ้างตัวเลขสหรัฐ เด็กมีไอคิวลดลง 8-9 จุด

แต่พอถึงวันอังคาร 23 ก.ค. หลัง “ปฏิญญาเขาใหญ่” ก่อนประชุม ครม. นายเศรษฐากลับเรียกพบ อนุทินและนายสมศักดิ์ เคลียร์ปัญหาปมกัญชา และเคาะให้ออกเป็น พ.ร.บ.กัญชากัญชง เพื่อควบคุมการใช้แทนการนำกลับไปขึ้นบัญชายาเสพติด เพื่อยุติความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล

ถือเป็นคำตอบในทีว่า ใครมีอำนาจตัวจริงเสียงจริง แม้ทางพรรคภูมิใจไทยจะปฏิเสธว่า ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับนายทักษิณก็ตาม

ส่งผลต่อเครดิตความน่าเชื่อของนายเศรษฐา อย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งการแถลงข่าวดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ไม่มีนายเศรษฐาร่วมวงด้วย ยิ่งถูกขยายผลไปใหญ่ว่า นายเศรษฐา จะได้ไปต่อหรือไม่ จากคดีถูกอดีต 40 สว.ชุดที่แล้ว ยื่นสอยกรณีตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี

แม้ว่า ความจริง นายเศรษฐา มีภารกิจสำคัญ ไปเป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการของกระทรวงศึกษาธิการ

แต่ถึงแม้ว่าสุดท้ายนายเศรษฐาอาจชนะคดี ไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ แต่ยังคำถามตามมาอีกว่า ยังจะได้ไปต่อบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากไปไม่ได้ไปต่อ จะเป็นโอกาสของใครจากพรรคการเมืองใด จะไปเป็นนายกรัฐมนตรีแทน

สถานการณ์นายเศรษฐา จึงแตกต่างจากสถานการณ์ของนายอนุทินอย่างชัดเจน

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว :

เช็ก 107 เส้นทางใหม่ ตามแผนปฏิรูปรถเมล์ เริ่มบริการ 25 ก.ค.67

เปิดชื่อบอร์ด กยท.ทุ่มงบฯ ซื้อ “ปลาหมอคางดำ” ทำน้ำหมักชีวภาพ

"ฝูงนาก" โผล่กิน "ปลาหมอคางดำ" ป่าชายเลนริมเจ้าพระยา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง