เคาะแล้ว หลัง “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา สิ้นสภาพ สส. เหตุเป็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลปี 66 จึงต้องหลุดจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล เมื่อวานนี้ (7 ส.ค) “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า วันพุธที่ 14 ส.ค. คาดว่าจะเลือกรองประธานสภาคนใหม่ได้ แน่นอน
แต่ไม่ใช่จากโควตาอย่างเดียว แต่ต้องดูจากสัดส่วน สส.ของแต่ละพรรคการเมือง โดยจะมาจากพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน 100% ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิไจไทย ซึ่งประธานวิป ระบุว่า เป็นไปได้หมด โดยผู้ที่ขึ้นมาเป็นรองประธาน ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง และแม่นข้อบังคับการประชุมสภา ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ขณะที่ท่าทีจากพรรคสีน้ำเงิน “ภูมิใจไทย” มีการเสนอชื่อของ แบต “ภราดร ปริศนานันทกุล” สส.อ่างทอง ลูกชายของ “สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล” เข้าชิง อย่างไรก็ตาม ส่วนการส่งผู้สมัครลงในเขตเลือกตั้งใหม่ในเขต 1 จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ของหมออ๋อง “ปดิพัทธ์” นั้น ล่าสุด มท.หนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า ถ้าไม่ใช่พื้นที่ของภูมิใจไทย ก็ต้องให้พรรคฝั่งรัฐบาลไปสู้ และจะไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งเลือกตั้งในพื้นที่ จ.พิษณุโลก
ไม่หัก ขอคุยพลังประชารัฐก่อน “สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย บอกว่า ในส่วนของพรรคฯ จะต้องสอบถามไปยังอดีตผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทยในเขตดังกล่าวว่าพร้อมหรือไม่ และคงต้องนำผลคะแนนเลือกตั้งปี 2566 พิจารณาว่าเป็นอย่างไร หากทุกอย่างพร้อมเราก็พร้อมส่งผู้สมัคร แต่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ที่ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐได้เป็นอันดับสอง ตรงนี้ก็คงต้องคุยกันในส่วนของพรรคร่วม โดยเรื่องนี้จะเร่งดำเนินการให้ได้ข้อสรุปภายในต้นสัปดาห์หน้า
ชื่นมื่น “เบิร์ธเดย์” ครบรอบ 80 ปี ลุงป้อม “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มูลนิธิบ้านป่ารอยต่อ มากันพรึบพรั่บพร้อมหน้าพร้อมสส.เขต 39 คน และ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุขและรองหัวหน้าพรรค, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค และนายทะเบียนพรรค, นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญ
และนายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานยุทธศาสตร์ด้านวิชาการ ที่มาอวยพรวันเกิดล่วงหน้า ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 11 ส.ค. 2488
ลุงป้อม “พล.อ.ประวิตร” ดูอารมณ์ดีมีความสุข หลังเดินทางกลับจากฝรั่งเศส ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่เดินทางเพื่อไปให้กำลังใจลูก-หลาน นักกีฬาไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 โดยเฉพาะ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบตมินตันที่ชิงเหรียญเงินมาได้ และ “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักชกสาวไทย ที่คว้าเหรียญทองแดง กลับไทย
“ผมปีนี้ 80 ปี แล้ว พยายามทำพรรคให้ดี มีความเข้มแข็งต่อไป ซึ่งก็เป็นผลมาจากพวกเราทุกคนที่เข้ามาช่วยกัน และอยู่ร่วมกันช่วยเหลือพรรคกันต่อไป ขอบคุณมากครับ" ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร กล่าวกับสมาชิกพรรคตอนหนึ่งอย่างอารมณ์ดี
ส้มใหม่ ไม่แตกแถว “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล บอกว่า 143 สส.ที่จะไปพรรคใหม่ด้วยกัน ไม่ได้เช็กชื่อ แต่เราเช็กหัวใจกัน เท่าที่หารือจะไปสมัครพรรคใหม่พร้อมกันหมด ส่วนชื่อพรรคใหม่นั้นให้รอฟังทีเดียวเลย และยังไม่รู้ชัดเหมือนกัน ส่วนการต้านกำลังคนที่จะมาซื้อ สส.ทุกคนตระหนักดีว่า ในอดีตคนที่เป็น “งูเห่า” หักหลังกับความไว้วางใจของประชาชนก็มีจุดจบอย่างไร
ป.ป.ช. พร้อมแล้ว “นิวัติไชย เกษมมงคล” เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บอกว่า คดี 44 สส.พรรคก้าวไกล ที่ลงชื่อแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ป.ป.ช.มีมติตรวจสอบมูลเบื้องต้น และมีพยานหลักฐานเบื้องต้นตามแนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการจึงมีมติสั่งไต่สวนแล้วทั้ง 44 คน
“ข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างการไต่สวน แต่ยังไม่ได้ให้ผู้ต้องหามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และการพิจารณาคดีจะไม่ใช้เวลายาวนาน พอข้อเท็จจริงปรากฎ น่าจะครบ อยู่ที่การวินิจฉัยเรื่องข้อกฎหมายถึงเจตนา และการเสนอแก้ไขมาตรา 112 หากเป็นความผิดทางอาญา ก็อาจเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง”
เช่นเดียวกับ “เอกวิทย์ วัชชวัลคุ” กรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า มีผู้ถูกกล่าวหาหลายราย แต่ละรายมีข้อเท็จจริงต่างกัน การไต่สวนจึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงได้เต็มที่ ส่วนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นข้อที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาทุกแง่มุม
“การล่าช้าเป็นการปฏิเสธความยุติธรรม แต่ถ้ารวบรัดเกินไป ความเป็นธรรมก็ไม่เกิด ป.ป.ช.ไม่มีใบสั่งจากไหน หรือเข้าข้างพรรคการเมืองฝ่ายใด เราอยู่ในฝั่งที่เป็นกลาง และให้โอกาสทุกฝ่าย ...ไม่มีใบสั่งทางการเมือง ไม่มีใครมาสั่งผมได้” เอกวิทย์ ระบุ
อ่านข่าว :
“อนุทิน” กั๊กเก้าอี้รองปธ.สภาฯ ตีฝีปาก “ตามมารยาท-ไม่ได้ร้องขอ”