เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2567 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานการระบาด "โรคฝีดาษลิง" ที่พบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในทวีปแอฟริกา ว่า มี 15 ประเทศที่รายงานพบผู้ป่วยฝีดาษลิงในปีนี้ จำนวนผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ 90 อยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ในจำนวนนี้ร้อยละ 70 เป็นผู้ป่วยเด็ก มีอัตราป่วยเสียชีวิตประมาณร้อยละ 5 ประเทศที่พบผู้ป่วยล่าสุด ได้แก่ อูกันดา เคนยา รวันดา ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของคองโก
แต่ที่น่าเป็นห่วงและต้องจับตาคือ ผู้ป่วยฝีดาษลิงมีจำนวนเพิ่มจากปี 2566 และจากเดิมที่ระบาดในวัยผู้ใหญ่ แต่ขณะนี้มีผู้ป่วยเด็กเพิ่มจำนวนรวดเร็ว หลังตรวจพบสายพันธุ์ย่อย Clade Ib ที่ติดต่อได้ง่ายขึ้น จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีตุ่มหนองหรือสารคัดหลั่งที่มีเชื้อไวรัส หรือการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรั
ผู้ติดเชื้อจะมีลักษณะที่สังเกตได้คือ มีตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนอง นอกจากมีไข้ เจ็บคอ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย ล้างมือบ่อย ๆ ไม่ใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้อื่น
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า องค์การอนามัยโลกอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะประกาศให้การระบาดของโรคฝีดาษลิงในรอบใหม่นี้ เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศหรือไม่ เพื่อจะเพิ่มการระดมทรัพยากรช่วยเหลือประเทศที่ประสบกับการระบาดรุนแรงได้อย่างเหมาะสม
ส่วนประเทศไทย กรมควบคุมโรคได้ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองโรค ทั้งที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และโรงพยาบาลทุกแห่ง พร้อมประสานแจ้งให้คนไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศที่ระบาด สังเกตและแจ้งอาการต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หากสงสัยว่าป่วยภายหลังกลับมาถึงแล้วให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคและรักษาทันที
ปลัด สธ.ยังขอประชาชนอย่าวิตกกังวล เพราะไทยมีประสบการณ์รับมือกับโรคฝีดาษลิงที่เป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ในช่วงปี 2565-2566 ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ และมีระบบเฝ้าระวังคัดกรองและป้องกันควบคุมโรคที่เป็นมาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับโลก
อ่านข่าว
อนุมัติ “สายด่วนท้องไม่พร้อม 1663” เป็นหน่วยบริการระบบบัตรทอง