แน่นอนว่าเหรียญทองเดียวของนักกีฬาไทยในครั้งนี้ เป็นของ "เทนนิส" ร.ท.หญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ
หลังป้องกันแชมป์เทควันโดรุ่น 49 กิโลกรัมหญิงเป็นสมัยที่ 2 พร้อมสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญโอลิมปิกเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันคนแรกของไทยเป็นการฉลองวันเกิดวัย 27 ปี ปิดฉากนักกีฬาอาชีพอย่างยิ่งใหญ่
เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ
มากันที่ วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เจ้าของเหรียญเงินแบดมินตัน ที่ล้มมือ 1 ของโลก และมือดังอีกหลายคน จนสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญโอลิมปิกครั้งแรกให้วงการแบดมินตันไทย และเป็นกีฬาชนิดที่ 4 ที่ไทยทำได้ต่อจากมวยสากล , ยกน้ำหนัก และเทควันโด
วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์
ส่วน บี จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง คว้าเหรียญทองแดงให้กับ นักมวยสากลหญิง รุ่น 66 กิโลกรัม
หลังสู้สุดใจ ก่อนจะแพ้ อิมาน เคลิฟ เจ้าของเหรียญทองจากแอลจีเรีย ในรอบตัดเชือก
บี จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง
ขณะที่ ยกน้ำหนักคัมแบ็กเวทีโอลิมปิกครั้งแรกในรอบ 8 ปี ทำผลงานสุดยอดคว้าเหรียญมากสุด 3 เหรียญเริ่มจาก "ฟ่าง" ธีรพงศ์ ศิลาชัยคว้าเหรียญเงินในรุ่น 61 กิโลกรัม
ตามด้วย เวฟ วีรพล วิชุมา รุ่น 73 กิโลกรัม และ "ออย" สุรจนา คำเบ้า คว้าเหรียญทองแดง จากรุ่น 49 กิโลกรัมหญิง
เท่ากับว่าในปีนี้มีนักกีฬามากถึง 5 คนที่คว้าเหรียญโอลิมปิกตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงชิงชัย ยกเว้น เทนนิส พาณิภัค เพียงแค่คนเดียว
“พล.ต.อินทรัตน์” ชี้ต้องปฏิรูปกีฬาไทย
ถ้านับเฉพาะผลงานของทัพนักกีฬาไทยทั้ง 51 คน จาก 17 สมาคมกีฬา ถือว่าน่าพอใจ
ส่วนเจ้าเหรียญทองเป็นของ สหรัฐอเมริกาที่ทำได้ 40 เหรียญทอง เท่ากับจีน อันดับ 2 แต่เฉือนชนะจีน ด้วยจำนวนเหรียญเงินมากกว่า 17 เหรียญ
ที่สำคัญไทย รั้งเบอร์ 3 ของอาเซียนเป็นรอง ทั้งฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่วงการกีฬาไทยต้องนำไปวิเคราะห์ เพื่อวางแนวทางพัฒนาอย่างเหมาะสม ในการก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ในเวทีโลกให้ได้ในอนาคต
โดย เสธยอด พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ ชี้ว่า “หลังจากนี้ทุกภาคส่วนในวงการกีฬาไทยต้องร่วมกันปฏิรูป เช่น การจัดแข่งซีเกมส์ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปีหน้า ต้องบรรจุชนิดกีฬาที่บรรจุในโอลิมปิก เพื่อเป็นการพัฒนาผลงานนักกีฬาไทยอย่างต่อเนื่องต่อยอดสู่โอลิมปิกครั้งต่อไป”
ขณะที่ บิ๊กต้อม นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย มองว่า “ผลงานของทัพนักกีฬาไทย ถือว่าดีกว่าโอลิมปิกโตเกียวเกมส์ ที่ทำได้ 1 ทอง กับ 1 ทองแดง แต่ชาติอาเซียนทั้งอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์ ทำได้ถึง 2 ทอง ซึ่งหลังจากนี้ต้องกลับมาพูดคุยกับสมาคมกีฬาฯ, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เพื่อพัฒนาในอีก 4 ปีข้างหน้าว่าทีมไทย มีข้อบกพร่องตรงไหน ก่อนวางแผนเพื่อนำนักกีฬาคว้าตั๋วโอลิมปิกให้มากกว่าเดิม และทำผลงานให้ดีกว่าเดิม
ที่สำคัญหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันหาเหตุผลของความผิดพลาดต่างๆ เช่น มวยสากล ที่ได้โควตามาถึง 8 ใบ แต่ได้แค่ 1 เหรียญทองแดงเท่านั้น
สำหรับปารีสเกมส์หนนี้ ฟิลิปปินส์ ครองเบอร์ 1 อาเซียน ทำได้ 2 ทอง 2 ทองแดง จบอันดับ 37
ส่วนอินโดนีเซีย เป็นเบอร์ 2 ทำได้ 2 ทอง กับ 1 ทองแดง จบอันดับ 39
ขณะที่ไทย รั้งเบอร์ 3 ของอาเซียนและจบอันดับ 44 ของตาราง
แม้ว่าฮีโรโอลิมปิกของไทยทั้ง 6 คน จะทำผลงานได้อย่างสุดยอด แต่ต้องไม่ลืมนักกีฬาอีก 45 คน ที่คว้าตั๋วมาแข่งปารีสเกมส์หนนี้ ที่ทำผลงานได้ประทับใจเช่นกัน โดยเฉพาะ 3 นักกีฬา ที่เป็นขวัญใจชาวโซเชียลนั่นเอง
ปอป้อ ทรัพย์สิรี เเต้รัตนชัย
“ปอป้อ” ดรามาเสื้อพิธีการปลุกกระแสปารีสเกมส์
เริ่มจาก “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี เเต้รัตนชัย นักแบดมินตันคู่ผสมทีมชาติไทยได้ปลุกกระแสโอลิมปิก หลังจากโพสต์เฟซบุ๊กสวมชุดพิธีการ ก่อนการแข่งขันจะเปิดฉากขึ้น 1 สัปดาห์ กลายเป็นวาระแห่งชาติ ทำให้ผู้ใหญ่ในคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน
ซึ่ง ปอป้อ มองโลกในแง่ดีว่าไม่จำเป็นต้องไปรื้อฟอยหาตะเข็บถึงที่มาที่ไป แต่อย่างน้อยดรามาเสื้อพิธีการได้ปลุกกระแสโอลิมปิกให้กับแฟนกีฬาชาวไทยได้เป็นอย่างดี
เฟรม ธนาคาร ไชยยาสมบัติ
เเจ้งเกิด “เฟรม ธนาคาร” อินฟลูฯนักกีฬาไทย
มากันที่เวทีเเจ้งเกิดของ อินฟลูเอนเซอร์ ในวงการกีฬา เฟรม ส.อ.ธนาคาร ไชยยาสมบัติ นักจักรยานวัย 24 ปี จาก อ.เเม่สาย จ.เชียงราย
แม้ว่าเฟรม จะปั่นไม่จบการแข่งขัน แต่ด้วยสไตล์การปั่นที่กล้าได้กล้าเสียหนีขึ้นกลุ่มนำนาน 157 กิโลเมตร จนถูกกล้องถ่ายทอดสดจับภาพหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ผู้บรรยายถึงกับเอ่ยปากชมพร้อมกับมีมชูเข็มกลัดลายธงชาติไทย
เท่านั้นยังไม่พอ เฟรม ยังได้ทำคลิปรีวิวกิจกรรมต่างๆ ลงโซเชียลมีเดียแบบสบายๆ เป็นกันเองเข้าใจง่ายไม่แพ้คอนเทนต์ครีเอเตอร์มืออาชีพ จนมียอดวิวหลักล้านคน สะท้อนความสุขบนความพยายาม เหมือนกับที่เฟรมให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวกีฬาไทยพีบีเอสว่า “ถึงผมจะปั่นไม่เก่ง แต่ผมปั่นไม่หยุดครับ”
เอสที วารีรยา สุขเกษม
“เอสที” แรงบันดาลใจเด็กไทยสานฝันสู่โอลิมปิก
ปิดท้ายที่นักกีฬาอายุน้อยสุดของไทยในวัย 12 ขวบ กับน้องเอสที ด.ญ.วารีรยา สุขเกษม ที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าตั๋วโอลิมปิกครั้งแรกให้กับวงการสเก็ตบอร์ดไทยแม้น้องเอสที จะโชว์ลีลาสตรีต จบอันดับ 17 จากนักกีฬา 22 คน ไม่ผ่านเข้ารอบชิงเหรียญทอง
แต่น้องเอสที ได้สร้างแบบอย่างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยบนพื้นฐานของครอบครัวที่อบอุ่น
ถือเป็นบันไดสำคัญในการสร้างนักกีฬาสู่ฮีโรโอลิมปิก แอลเอ 2028 ที่นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา
อ่านข่าว :
"สหรัฐอเมริกา" คว้าเหรียญโอลิมปิกปารีสเกมส์มากสุด 126 เหรียญ
"ส้ม" ดวงอักษร ใจดี จบอันดับ 6 ยกน้ำหนักโอลิมปิก 2024
“ปอป้อ-ทรัพย์สิรี” กับดรามาชุดพิธีการ ปลุกกระเเสโอลิมปิก