วันนี้ (13 ส.ค.2567) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานผลการศึกษาจากวารสารทางการแพทย์ Nature Medicine ที่อ้างอิงการสำรวจ Household Pulse ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา นักวิจัยพบว่าผู้ใหญ่ชาวอเมริกันร้อยละ 6.7 กำลังประสบกับลองโควิด
ภาวะลองโควิด อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตของคน การแพร่ระบาดของเชื้อส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อระบบสุขภาพและเศรษฐกิจ
นักวิจัยระบุว่าโรคโควิด-19 เป็นโรคที่ซับซ้อนและส่งผลต่อหลายระบบ ซึ่งส่งผลต่อระบบอวัยวะเกือบทุกระบบ รวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบต่อมไร้ท่อ ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบสืบพันธุ์ และระบบทางเดินอาหาร และส่งผลกระทบต่อผู้คนทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ รวมไปถึงผู้คนที่มีเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่แตกต่างกัน เพศและสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน และมีสถานะสุขภาพที่แตกต่างกัน
อาการลองโควิดที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ภาวะสมองล้า อาการเหนื่อยล้า หัวใจเต้นเร็ว และความรู้สึกไม่สบายหลังออกกำลังกาย โดยความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะเกิดอาการลองโควิดจะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ของโรค เช่น สายพันธุ์ Omicron มีความเสี่ยงน้อยกว่า Delta ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนก่อนที่จะติดเชื้อหรือผู้ที่ทานยาต้านไวรัสขณะที่ติดเชื้อ จะมีความเสี่ยงต่ออาการลองโควิดน้อยกว่าคนที่ไม่เคยฉีดวัคซีนหรือกินยาต้านเชื้อเลย
ที่น่าตกใจคือ คนส่วนใหญ่ที่เป็นลองโควิด จะไม่ได้มีอาการรุนแรงในระยะแรก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีคนจำนวนมากที่ติดโควิด ในรูปแบบที่ไม่รุนแรงมากกว่าแบบรุนแรง (จากการศึกษาส่วนใหญ่ พบว่าความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดจะเพิ่มขึ้นตามความรุนแรงของการติดเชื้อในระยะแรก) และทุกครั้งที่ผู้คนติดเชื้อไวรัสซ้ำ พวกเขาก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นลองโควิดแม้ว่าจะไม่เคยติดมาก่อนก็ตาม
แต่ข้อมูลเกี่ยวกับการหายขาดจากลองโควิดนั้นยังมีไม่พอ แต่นักวิจัยกล่าวว่ามีผู้ป่วยบางส่วนที่หายจากภาวะลองโควิดภายใน 1 ปี ขณะที่ผลการศึกษาหลายชิ้นพบว่าผู้ป่วยลองโควิดเพียงร้อยละ 7-10 เท่านั้นที่หายขาดจากโรคหลังผ่านไป 2 ปี และบางคนที่อาจมีอาการโรคหัวใจ เบาหวาน และอาการอ่อนล้า ไปตลอดชีวิต
ภาพประกอบข่าว
ลองโควิดทำเศรษฐกิจเสียหายกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
อากิโกะ อิวาซากิ ศาสตราจารย์ด้านภูมิคุ้มกันวิทยาที่ Yale School of Medicine และหัวหน้าคณะนักวิจัยร่วมใน โครงการ COVID-19 Recovery Study ของมหาวิทยาลัย กล่าวเตือนรัฐบาลทั่วโลกว่า มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องให้การวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมแก่ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับลองโควิด เพราะโควิดรูปแบบนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง สำหรับหลาย ๆ คน เพราะอาการอาจคงอยู่หลายปีหรือตลอดชีวิต และส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
แม้ลองโควิดจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อบุคคลและสังคม แต่เกรงว่าหลายคนยังคงไม่ทราบถึงอันตรายนี้ เพราะรัฐบาลคงไม่กล้าออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่
สำนักงานสำมะโนประชากรในปี 2565 พบว่าชาวอเมริกันในวัยทำงาน ระหว่าง 2,000,000-4,000,000 คน ตกงานเนื่องจากพวกเขาต้องหยุดงานเพราะได้รับผลกระทบจากอาการลองโควิด ในขณะเดียวกันร้อยละ 20 ของผู้ป่วยลองโควิดที่สำรวจโดยสหภาพแรงงานแห่งสหราชอาณาจักรระบุว่าพวกเขาไม่ได้ทำงาน และอีกร้อยละ 16 ทำงานได้แต่ระยะเวลาทำงานลดลง
องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจทั่วโลกประจำปีไว้ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะอาการป่วยระยะยาว จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตและการมีส่วนร่วมของสังคมแรงงานลดลง
ด้าน Nature Medicine เรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะหน่วยงานด้านสุขภาพของสหรัฐฯ ยกระดับการสืบสวนหาสาเหตุของภาวะลองโควิด ศึกษากลไก เส้นทางของโรค และพัฒนาวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อได้ดีขึ้น เพื่อหาทางออกได้อย่างรวดเร็วว่ายาชนิดใดได้ผลและชนิดใดไม่ได้ผล
ภาพประกอบข่าว
อ่านข่าวอื่น :