วารสารทางการแพทย์ Nature Medicine รายงานช่วง 4 ปีนับตั้งแต่ WHO ประกาศให้ โควิด-19 เป็นโรคระบาดทั่วโลก มีผู้คนราว 400 ล้านคนประสบกับภาวะลองโควิด หรือ ปัญหาสุขภาพที่คงอยู่หลังจากการติดเชื้อ คาดสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
วันนี้ (4 ก.ค. 67) ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กชี้แนวโน้มการระบาดของโควิด-19 เป็นไปตามฤดูกาล มีการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะมีจุดสูงสุดราว ๆ “เดือน ส.ค.” และจะลดลงในเดือน ก.ย.-ต.ค.
ผู้เสียหายกว่า 100 คน จากกรณีซื้อประกันโควิด -19 และไม่ได้รับค่าสินไหมจากบริษัทประกัน เข้ายื่นหนังสือต่อสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเร่งรัดและดำเนินคดีกับบริษัทประกัน หลังไม่สามารถจ่ายเงินค่าสินไหมให้กับผู้เอาประกันภัยได้ ติดตามชมรายการสถานีประชาชนย้อนหลังได้ทาง www.thaipbs.or.th/program/People/episodes/102083
มาตรการเฝ้าระวัง หรือป้องกันโควิด-19 ช่วงสงกรานต์ที่ผ่อนคลายลง ทำให้ตัวเลขคนติดเชื้อโควิด-19 กลับมาแตะหลักพันอีกครั้ง โดยพบว่าอาการของโรคโควิด-19 เปลี่ยนไป ส่วนใหญ่เป็นอาการของทางเดินหายใจส่วนบน คอ จมูก มากกว่าทางเดินหายใจส่วนล่าง หลอดลม และปอด โดยอาการเด่น คือ เจ็บคอมาก ไข้ต่ำ มีน้ำมูก คัดจมูกเล็กน้อย จมูกได้กลิ่น ไม่ค่อยไอ ไม่เหนื่อย
โควิดระบาดเข้าสู่ปีที่ 5 พบการกลายพันธุ์ต่อเนื่อง ล่าสุด สายพันธุ์ JN.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า สถานการณ์สายพันธุ์เชื้อไวรัสโควิด 19 ภาพรวมทั่วโลกในช่วงปลายปีที่ผ่านมา พบสายพันธุ์ JN.1 มากที่สุดถึงร้อยละ 65.5 โดยสายพันธุ์นี้มีลักษณะหลบภูมิคุ้มกันและคาดว่า JN.1 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในระดับประเทศหรือทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย JN.1 มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในปัจจุบัน