ไทยยังไม่พบเชื้อ "ฝีดาษลิง" สายพันธุ์ที่ระบาดในทวีปแอฟริกา

สังคม
19 ส.ค. 67
16:37
2,486
Logo Thai PBS
ไทยยังไม่พบเชื้อ "ฝีดาษลิง" สายพันธุ์ที่ระบาดในทวีปแอฟริกา
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยไทยยังไม่พบเชื้อฝีดาษวานร (Mpox) สายพันธุ์ "เคลดวัน" ที่ระบาดในทวีปแอฟริกา และได้ร่วมกับห้องปฏิบัติการเครือข่ายกว่า 62 แห่งทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับมือหากเกิดการระบาด รายงานผลได้ภายใน 24 ชั่วโมง

วันนี้ (19 ส.ค.2567) นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับกรมควบคุมโรค ได้ติดตามสถานการณ์สายพันธุ์ของ เชื้อฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง (Mpox) ในประเทศไทย ด้วยการสุ่มตรวจทางห้องปฏิบัติการมาโดยตลอด ล่าสุดการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม จำนวน 191 คน ผลการวิเคราะห์แบ่งได้เป็น 8 สายพันธุ์ย่อย คือ

  • A.2
  • A.2.1
  • B.1
  • B.1.12
  • B.1.3
  • B.1.7
  • C.1
  • C.1.1

โดยพบสายพันธุ์ย่อย C.1 มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 85.34% รองลงมาคือ สายพันธุ์ย่อย A.2.1 (5.76%), C.1.1 (3.66%) และ A.2 (2.09%) ตามลำดับ และพบว่าสายพันธุ์ย่อย C.1 เป็นสายพันธุ์ที่พบส่วนใหญ่ในประเทศไทย

อ่านข่าว : ผู้เชี่ยวชาญเตือน "ไทย" เตรียมรับมือ "ฝีดาษลิง" สายพันธุ์ใหม่

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า แตกต่างจากในช่วงแรกของสถานการณ์ระบาดที่เป็นสายพันธุ์ย่อย A.2 ทั้งนี้บ่งชี้ถึงการวิวัฒนาการของไวรัสที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการสะสมของการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้น เพื่อปรับตัวตลอดเวลา

สายพันธุ์ย่อย C.1 ถือว่ามีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เคลดวัน Clade I ที่มีการระบาด อยู่ในทวีปแอฟริกา โดยเคลดวัน Clade I มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 10% ในขณะที่เคลดทู Clade II ทั้งเคลดทูเอ Clade IIa เคลดทูบี Clade IIb ซึ่งรวมถึง C.1 มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าเพียง 1%

โดยทั่วไปเคลดทู Clade II (รวมถึง C.1) มีลักษณะ การแพร่เชื้อที่ไม่รุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ และปัจจุบันได้จำแนกไวรัสฝีดาษวานรออกเป็น 3 สายพันธุ์หลัก คือ เคลดวัน Clade I, เคลดทูเอ Clade IIa, และเคลดทูบี Clade IIb

นพ.ยงยศ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมทั้งห้องปฏิบัติการเครือข่าย จำนวน 62 แห่ง ได้เตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจเชื้อฝีดาษวานร ได้ครอบคลุมพื้นที่ 24 จังหวัด ประกอบด้วย

กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี พิษณุโลก ภูเก็ต ราชบุรี ลำปาง สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สระแก้ว สระบุรี สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และอุบลราชธานี

ทั้งนี้ สามารถรายงานผลได้ภายใน 24 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อม ในการตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อไวรัสฝีดาษวานรทางห้องปฏิบัติการ และสามารถถ่ายทอดไปยังห้องปฏิบัติการเครือข่าย ช่วยส่งเสริมการควบคุม และป้องกันการแพร่กระจายของโรคให้ได้อย่างรวดเร็ว ทันการณ์ และมีประสิทธิภาพ

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังคงเฝ้าระวังสายพันธุ์ของเชื้อฝีดาษวานรในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบแนวโน้ม การระบาด การกลายพันธุ์ และการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ ซึ่งจะช่วยให้กำหนดมาตรการควบคุมและป้องกันโรคได้อย่างเหมาะสมและทันการณ์

อย่างไรก็ตาม การเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการที่มีความเข้มแข็ง การตรวจหาอย่างรวดเร็ว และการหาลำดับจีโนมที่พร้อม ใช้งานอย่างกว้างขวาง จะช่วยสนับสนุนการตรวจจับสายพันธุ์เคลดวัน Clade I ที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาคได้

อ่านข่าว : สธ.คัดกรองผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ ตั้งเป้าทะลุ 42 ล้านคนในปี 2573

เปิดกฎหมาย "ขับเจ็ตสกี" ต้องมี "ใบขับขี่เรือ"

สภาพัฒน์ฯ เผย GDP ไทยQ2 โต 2.3% มั่นใจทั้งปีขยายตัว 2.5%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง