เกมการเมืองยุค “แพทองธาร” กลางสมรภูมิข่าวเตรียม “ตีตกยกกระดาน”

ยังไม่ทันได้เข้าบริหารประเทศ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ป้ายแดง ก็ตกเป็นเป้าถูกวิพากษ์ ขุดคุ้ยถึงขั้นถูกฟันธงว่า จะโดนเรื่องในอดีตย้อนกลับมาเล่นงาน

ไม่ว่าจะเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง แล้วเกิดเหตุการณ์ข้อสอบรั่ว หรือเรื่องเคยถือหุ้นใหญ่ในสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งเดิมที่ดินบริจาคให้วัดธรรมิการามฯ จ.ปทุมธานี ของยายเนื่อม ชำนาญชาติศักดา

หรือกระทั่งเรื่องประกาศบนเวทีหาเสียงช่วงเลือกตั้ง เดินหน้าลดค่าน้ำค่าไฟค่าแก๊สทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล และยืนยันไม่จับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคที่ทำรัฐประหาร แต่กลับทำในสิ่งตรงข้าม

ส่อ “งานเข้า” ตั้งแต่แรก เพราะเชื่อว่าน่าจะมี “นักร้อง” จ้องรับไม้ต่อเรื่องนี้อยู่ ยิ่งมีปรากฏในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากเก้าอี้นายกฯ

โดยศาลได้ตอกย้ำเรื่องผู้นำประเทศต้องซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม จริยธรรม ไม่ประพฤติตนเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ชัดแจ้ง

ยังไม่นับคำถามเรื่องจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีผลงานอะไรที่เป็นรูปธรรม หรือผู้คนต้องนึกถึง น.ส.แพทองธาร ทันทีที่พูดถึง

เท่ากับมีนัยว่า ได้ขึ้นชั้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 จากการสนับสนุนของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นบิดา คอยเป็นคนเดินหมาก และเป็นผู้จัดการรัฐบาลให้มากกว่า นับตั้งแต่เรียกแกนนำรัฐบาลชุดนายเศรษฐา เข้าพบหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

ในฐานะผู้นำรัฐบาลคนใหม่ ถูกจุดพลุความโดดเด่นว่า เป็นนายกฯ อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

แต่ในทางกลับกับ น.ส.แพทองธาร กลับต้องเผชิญกับแรงกดดันมากเกินอายุและประสบการณ์

นับจากนี้ไปจะตกเป็นเป้าโดนรุมวิพากษ์ ตั้งแต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ที่จะช่วยเสริมภาพพจน์ความโดดเด่นให้รัฐบาล โดยควรจะเป็นคนรุ่นใหม่มีวิสัยทัศน์ แต่มีแนวโน้มว่า จะยังคงมีรัฐมนตรีระดับผู้อาวุโส ทั้งในโควตาพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล

ถัดไปคือ นโยบายรัฐบาลที่ต้องเตรียมแถลงต่อรัฐสภา จะแตกต่างไปจากนโยบายชุดนายเศรษฐาหรือไม่ โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลืออ้างว่า นายทักษิณส่งสัญญาณให้ถอย

เพราะสุ่มเสี่ยงต่อทั้งข้อกฎหมาย ที่มาของเงินงบประมาณ กรอบเวลา และความล่าช้าของระบบ ที่ว่ากันว่า จะเรียบร้อยรับการโอนและใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าได้ ต้องยืดเยื้อถึงกลางเดือนธันวาคม สะท้อนให้เห็นความไม่พร้อม แม้ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ยังใจดีสู้เสือ ยืนยันจะเดินหน้าต่อ

ขณะที่นโยบายแลนด์บริดจ์ ที่รัฐบาลนายเศรษฐา พยายามผลักดันในช่วงแรกๆ ก่อนจะแผ่วไป เพราะปัญหาหลายด้าน ทั้งกลุ่มทุน ความคุ้มค่า ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ และชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ ยังไม่นับข่าว “ไอ้โม่ง” ซุ่มกว้านซื้อถือที่ดินไว้ในมือ หวังทำกำไรมโหฬารจากการขายต่อ

หรือแม้แต่นโยบายเร่งด่วนพิเศษ คือโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รวมทั้งค่าสิโนเสรี ซึ่งรัฐบาลชุดนายเศรษฐา ซุ่มเดินหน้าเต็มที่ ท่ามกลางข้อครหาขัดต่อหลักศีลธรรมอันดีงามของไทย มิหนำซ้ำ

ตั้งแต่อดีตประเทศไทยไม่เคยเอาเรื่อง ตั้งบ่อนคาสิโนเป็นจุดขายเลย แต่ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศจนครั้งหนึ่ง เกือบจะกลายเป็นนิกส์ หรือประเทศอุตสาหกรรมใหม่

ยังไม่นับเรื่องเสถียรภาพและความเข้มแข็งของรัฐบาล ที่กูรูทางการเมืองต่างห่วงใยและสะท้อนมาตลอด คือความสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจเดิม ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่ยึดอำนาจจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

โดยมีข้อตกลงร่วมกันคือ สกัดการเติบโตของพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนในปัจจุบัน ในฐานะเป็น “ศัตรูร่วม” แต่ในทางปฏิบัติ กลุ่มอำนาจเดิม ไม่ไว้ใจนายทักษิณเลยเช่นกัน

นำไปสู่กระแสวิพากษ์ที่อ้างว่า การชิงส่ง น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ทันที จากเดิมที่วางตัวไว้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นผลจากแรงบีบและพยายามกดดันให้เดินเข้าสู่ “คิลลิ่งโซน” สุดท้ายเข้าทางกลุ่มอำนาจเดิม ที่หวังจะเช็คบิลทั้งกระดานในคราวเดียวกัน

ขณะที่นายทักษิณ แม้จะได้รับการพ้นโทษแล้ว แต่ยังมีคดีมาตรา 112 รออยู่ มิหนำซ้ำ กำลังเจอกับการถูก “รุกคืบเอาคืน” ครั้งสำคัญ กรณี ป.ป.ช. เดินเรื่องขอภาพจากกล้องวงจรปิด ของ รพ.ตำรวจ บริเวณชั้น 14 เมื่อครั้งรักษาตัวนายทักษิณ เพื่อประกอบการพิจารณาคำร้อง

หลังจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ส่งผลสอบพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลตำรวจ เข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ในการรักษาตัว ส่งให้กับ ป.ป.ช.แล้ว

หากนายทักษิณโดนอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจส่งผลกระทบถึงการทำหน้าที่ของ “นายกฯป้ายแดง” อย่างเลี่ยงไม่พ้นในฐานะเป็นเสมือนที่ปรึกษาใหญ่