เมื่อช่วงวันที่ 26 ส.ค.2024 ค่าเงินจ๊าดร่วงอยู่ที่ 7,500 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 121 บาท) หลังรัฐบาลทหารเมียนมาโดย สภาบริหารแห่งรัฐ (State Administration Council- SAC) พิมพ์เงินจ๊าดเพิ่มเพื่อพยุงค่าเงิน
U Kyaw Zaw โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government-NUG) รัฐบาลคู่ขนานของเมียนมา วิจารณ์ว่า กองทัพไม่มีแผนที่เหมาะสม ในการจัดการกับสถานการณ์เศรษฐกิจของเมียนมาในปัจจุบัน การพิมพ์เงินจ๊าดเพิ่มเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้กับเงินเฟ้อ และสร้างวิกฤติเศรษฐกิจให้ย่อยยับอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
พิมพ์เงินจ๊าดเพื่อพยุงค่าเงิน
ปัจจุบัน ค่าเงินจ๊าดของเมียนมาอยู่ที่ประมาณ 7,500 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 121 บาทไทย นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้รัฐบาลเมียนมา ต้องตัดสินใจพิมพ์เงินจ๊าดเพิ่มเติม เพื่อพยุงค่าเงิน ซึ่งเป็นมาตรการที่อาจนำมา ซึ่งความเสี่ยงอย่างมากต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ในทางเศรษฐศาสตร์ เพราะการพิมพ์เงินเพิ่มเติมโดยไม่มีสินทรัพย์หรือทองคำมาค้ำประกันนั้น
ถือเป็นการเพิ่มปริมาณเงินในระบบโดยปราศจากมูลค่าที่แท้จริง การกระทำเช่นนี้อาจส่งผลให้มูลค่าของเงินลดลง และทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเงินที่พิมพ์ออกมาไม่ได้สะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์จริงในระบบเศรษฐกิจ
รศ.ดร.นิสิต พันธมิตร นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
รศ.ดร.นิสิต พันธมิตร นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า แม้จะมีปริมาณเงินเพิ่มขึ้นในมือของประชาชน แต่หากไม่มีการผลิตหรือสินค้าจริง ๆ ที่เพิ่มขึ้นตาม ปริมาณเงินที่มากขึ้นจะไม่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนเลย
นั่นหมายความว่า สินค้าหนึ่งชิ้นอาจมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ความสามารถในการซื้อของประชาชน ยังคงอยู่ในระดับเดิมหรือลดลง ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับเมียนมาในปัจจุบัน
สำหรับเงินที่จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เงินนั้นต้องมีคุณสมบัติสำคัญ เช่น ความคงทน การยอมรับจากผู้คน ความหายาก และความสะดวกในการใช้งาน
ในกรณีของเมียนมา เมื่อรัฐบาลพิมพ์เงินจ๊าดเพิ่มขึ้นโดยไม่มีสินทรัพย์มาค้ำประกัน ค่าเงินจ๊าดจึงเสี่ยงที่จะถูกลดค่าลงจนกลายเป็นแค่กระดาษธรรมดาที่ไม่มีค่าใช้จ่ายจริงในตลาด
ธนาคารกลางและความน่าเชื่อถือ
การมีธนาคารกลางที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน ธนาคารกลางต้องมีสินทรัพย์ที่เพียงพอในการค้ำประกันค่าเงิน เช่น สินทรัพย์ในรูปของเงินตราต่างประเทศหรือพันธบัตรรัฐบาล การไม่มีสินทรัพย์เพียงพออาจทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ผู้คนสูญเสียความเชื่อมั่นในค่าเงินของตน
ความเชื่อมั่นในค่าเงิน กรณีศึกษาเงินบาทไทย
ประเทศไทยเป็นตัวอย่างของประเทศที่รักษาเสถียรภาพของค่าเงินได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยความสามารถของธนาคารแห่งประเทศไทย ในการดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่มั่นคง การมีระบบการเงินที่เข้มแข็งทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่มั่นคง แม้จะมีความผันผวนในเศรษฐกิจโลกก็ตามแต่ในทางกลับกัน
สถานการณ์ในเมียนมา แสดงให้เห็นถึงการขาดความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางเมียนมา การพิมพ์เงินโดยไม่มีสินทรัพย์มาค้ำประกัน กลายเป็นการทำลายความเชื่อมั่นในค่าเงิน ซึ่งนำไปสู่เศรษฐกิจที่ไร้เสถียรภาพและผู้คนที่ไม่มั่นใจในการถือครองเงินตราของตนเอง
ซึ่งการพิมพ์เงินเพิ่มเติมในเมียนมาร์เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวที่อาจช่วยพยุงค่าเงินจ๊าดในระยะสั้น แต่ในระยะยาว การขาดสินทรัพย์ค้ำประกันและความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกอยู่ในสภาพวิกฤต ซึ่งสุดท้ายอาจทำให้เงินจ๊าดกลายเป็นเพียงกระดาษที่ไม่มีมูลค่าจริงในตลาดโลก
เงินจ๊าดอ่อนค่า-ภาวะสงคราม ส่งผลอะไรต่อการค้าชายแดน
เมื่อพูดถึงการค้าดำเนินสะดวกในบริบทของการค้าชายแดนไทย-เมียนมา สิ่งที่เราเห็นได้ชัดคือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการเข้ามาของเทคโนโลยีที่ทำให้กระบวนการทางธุรกิจมีความรวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม รูปแบบของการขนส่งสินค้ายังคงดำเนินไปตามเส้นทางเดิม แม้ว่าเส้นทางของเงินและกระบวนการชำระเงินจะเปลี่ยนแปลงไปก็ตาม
การขนส่งสินค้า-ชำระเงิน ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนเดิม
แม้เทคโนโลยีจะเข้ามาทำให้การโอนเงินรวดเร็วขึ้น แต่เส้นทางของการชำระเงินนั้นมักไม่ได้ดำเนินตามเส้นทางการขนส่งสินค้าเสมอไป ปัจจุบันผู้ประกอบการมักเลือกใช้ประเทศที่สามหรือแหล่งที่มีความมั่นคงทางการเงินเป็นจุดแลกเปลี่ยนเงิน ซึ่งทำให้การชำระเงินไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรง การเปิดบัญชีในประเทศที่สามหรือการใช้บัญชีในประเทศของตนเองเพื่อซื้อขายในสกุลเงินที่มั่นคง เช่น บาทไทย กลายเป็นทางเลือกที่นิยมมากขึ้น
ศุลกากร-การค้าชายแดน ระบบในและนอกกรอบ
การค้าชายแดนมีทั้งส่วนที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายผ่านระบบศุลกากร และส่วนที่อยู่นอกระบบการควบคุม แม้ว่าสินค้าเหล่านี้อาจไม่ผิดกฎหมาย แต่กลับไม่ได้รับการอนุญาตให้นำเข้าตามกฎระเบียบของบางประเทศ เช่น สินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทยแต่ไม่ถูกต้องในเมียนมา สถานการณ์นี้สร้างความท้าทายและซับซ้อนในการค้าชายแดน เพราะการอำนวยความสะดวกในการค้าขายยังคงต้องพึ่งพาการหักล้างและการชำระเงินในพื้นที่ที่สาม เพื่อให้กระบวนการดำเนินไปได้อย่างราบรื่นที่สุด
ผลประโยชน์-ค่าใช้จ่าย กลุ่มผลประโยชน์-การควบคุมพื้นที่ชายแดน
การค้าชายแดนที่สะดวกมากขึ้นย่อมสร้างผลประโยชน์ให้กับกลุ่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวก แต่ก็นำมาซึ่งการแข่งขันและการขึ้นค่าใช้จ่ายในการผ่านทาง ซึ่งผู้ค้าต้องแบกรับและสะท้อนให้เห็นในราคาสินค้าปลายทางสำหรับผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม หากเส้นทางการค้าประสบปัญหา ไม่ว่าจะมาจากความขัดแย้งทางการเมืองหรือความยากลำบากทางธรรมชาติ ราคาสินค้าย่อมเพิ่มสูงขึ้นตามความซับซ้อนของกระบวนการ นี่เป็นหลักเกณฑ์ชี้วัดที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความสะดวกในการค้าและต้นทุนของสินค้าที่ผู้บริโภคต้องรับผิดชอบ
การค้าที่สะดวกและความยั่งยืนของนิเวศการค้าชายแดน
การค้าดำเนินสะดวกในยุคดิจิทัลไม่ได้หมายถึงแค่ความรวดเร็วในการโอนเงินหรือการชำระเงินเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการจัดการที่ซับซ้อนของการขนส่งสินค้าและการอำนวยความสะดวกในพื้นที่ชายแดน ความสะดวกสบายนี้มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านของการบริหารจัดการและการรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ
ผลลัพธ์ที่ได้คือ นิเวศการค้าชายแดนที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้แม้จะมีความท้าทายมากมาย ทั้งจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงและความซับซ้อนของระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน
การค้าดำเนินสะดวก-พัฒนาการแห่งนิเวศการค้าชายแดน
ท่ามกลางความขัดแย้งและความไม่สงบภายในประเทศเมียนมา การค้าขายระหว่างชายแดนไทยและเมียนมายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เป็นดั่งเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ แม้ในยามที่ความไม่มั่นคงเข้าปกคลุม แต่การค้าชายแดนกลับแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของนิเวศการค้าที่ได้พัฒนามาอย่างยาวนาน ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสังคมที่นำไปสู่ความสะดวกและรวดเร็วในการค้าขายมากยิ่งขึ้น
นิเวศการค้าชายแดน-การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล
การค้าชายแดนในอดีตนั้นเป็นสิ่งที่พึ่งพาความสัมพันธ์ส่วนบุคคลอย่างมาก ผู้ค้าและชาวบ้านในพื้นที่ต้องสร้างความเชื่อถือกันและกันในการแลกเปลี่ยนสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการให้เครดิตหรือที่รู้จักกันในชื่อ "โพยกวน" ซึ่งเป็นระบบที่ต้องมีการตรวจสอบชิ้นส่วนหรือสินค้าทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะดำเนินการส่งมอบสินค้า นี่คือหัวใจของการค้าดำเนินสะดวกในยุคก่อนที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาท
แต่เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล เทคโนโลยีการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้ามาแทนที่ระบบดั้งเดิมนี้ ทำให้การค้าชายแดนสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการโอนเงินและการส่งมอบสินค้าทำได้รวดเร็วขึ้น
การใช้เทคโนโลยีดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยให้การค้าดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่ยังเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพาการพบปะกันระหว่างผู้ค้าเสมอไป
การค้าดำเนินสะดวก-ภาพสะท้อนเศรษฐกิจชายแดน
การค้าชายแดนที่ดำเนินสะดวกเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมของพื้นที่ชายแดนที่มีมายาวนาน จากการศึกษาของนักวิชาการหลายท่านพบว่า การค้าชายแดนนี้ไม่เพียงแค่เป็นการแลกเปลี่ยนสินค้า แต่ยังเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีความเฉพาะตัว
การค้าดำเนินสะดวกนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะระหว่างไทยและเมียนมาเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เช่น ไทย-จีน, จีน-เมียนมา เป็นต้น
ปรากฏการณ์นี้มีลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจ กล่าวคือ เมื่อเทคโนโลยีทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้น การค้าชายแดนกลับไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการพบปะกันในชีวิตจริงอีกต่อไป เพียงแค่การถ่ายภาพหรือการยืนยันผ่านช่องทางดิจิทัลก็สามารถดำเนินธุรกรรมได้ภายในเสี้ยววินาที นี่คือโลกใหม่ที่ยังคงดำเนินไปในกรอบเดิมแต่ด้วยวิธีการที่ทันสมัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
การค้าชายแดนในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
การค้าดำเนินสะดวกของชายแดนไทย-เมียนมาไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของการแลกเปลี่ยนสินค้า แต่ยังเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้ง การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยีทำให้การค้าชายแดนไม่เพียงแต่สะดวกขึ้น แต่ยังสามารถคงความเชื่อมโยงของคนในพื้นที่และความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
การค้าชายแดนจะยังคงเป็นเส้นทางที่สำคัญต่อไปในอนาคต ทั้งในแง่ของความสะดวกและความรวดเร็วที่เพิ่มขึ้น และในแง่ของการเป็นสื่อกลางที่เชื่อมโยงผู้คนจากต่างวัฒนธรรมให้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเศรษฐกิจโลกใหม่ ที่ยังคงสืบสานรากเหง้าแห่งนิเวศการค้าชายแดนนี้ต่อไป
รายงาน:ทีมศูนย์ข่าวภาคเหนือ
อ่านข่าว : "อภิสิทธิ์" เชื่อ ปชป.ร่วมรัฐบาล พท. กระทบจิตใจผู้สนับสนุน