เรารู้อะไรจาก Acoustic Kitty โครงการสัตว์สายลับฉบับ "เหมียว"

ไลฟ์สไตล์
4 ก.ย. 67
11:17
117
Logo Thai PBS
เรารู้อะไรจาก Acoustic Kitty โครงการสัตว์สายลับฉบับ "เหมียว"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ข่าวการพบซาก "ฮวาลดิเมียร์" เบลูกาที่ถูกมนุษย์คาดเดาเอาเองว่าเป็น "วาฬสายลับ" ของรัสเซีย ทำเอาหลายคนสงสัยโลกยุค 5G ยังใช้สัตว์เป็นสายลับกันอยู่หรือ? แต่ในอดีตโครงการคิดค้นสัตว์สายลับกลับมีอยู่จริง และทุ่มงบจริงจังเพื่อสร้างสปายไปกว่า 20 ล้านเหรียญเลยด้วย

Acoustic Kitty เป็นหนึ่งในโครงการลับของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ หรือ ซีไอเอ (Central Intelligence Agency: CIA) ที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในการสอดแนมสหภาพโซเวียตในยุคสงครามเย็น โครงการนี้ฟังดูเหมือนเรื่องล้อเล่น แต่ความจริงแล้วเป็นความพยายามของ CIA ในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อการสอดแนมในรูปแบบที่แปลกใหม่และไม่เคยมีมาก่อน

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

Acoustic Kitty คืออะไร ?

โครงการนี้มีแนวคิดหลักใช้ "แมว" เป็นสายลับเข้าไปดักฟังข้อมูลลับ CIA เชื่อว่าแมวสามารถเดินไปมาได้โดยไม่เป็นที่สังเกต ทำให้เหมาะสมในการนำไปใช้สอดแนมในพื้นที่ของศัตรู โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าใกล้สถานที่สำคัญ เช่น สถานทูตหรือที่ประชุมลับ

แต่โครงการนี้ไม่ได้จับแมวมาฝึกสอนทักษะการเป็นสายลับ หรือเปลี่ยนพฤติกรรมแมวให้เคร่งขรึม ตีเนียนได้มากพอเข้ากับความเป็นสปายแมว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

นักวิทยาศาสตร์กลับทำการฝังไมโครโฟนขนาดเล็กไว้ในหูของแมว พร้อมกับเครื่องส่งสัญญาณไมโครโฟน ให้เชื่อมต่อกับเส้นประสาทที่หู ที่ฝังไว้ในช่องท้องแมว และใช้หางเป็นสายอากาศเพื่อส่งสัญญาณเสียงไปยังเจ้าหน้าที่ CIA ที่คอยดักฟัง

มนุษย์เลือกจะเปลี่ยนร่างกายให้เป็น "แมวจักรกล" 

เหตุผลที่ CIA เลือกใช้แมว เพราะความเป็นแมวของแมวเอง การเดินไปในพื้นที่เป้าหมายโดยไม่เป็นที่สงสัย มนุษย์ก็ไม่ได้มองว่าเจ้าเหมียวเป็นภัยคุกคามหรือสิ่งผิดปกติอะไร เมื่อเทียบกับมนุษย์หรือเทคโนโลยีสอดแนมในรูปแบบอื่น ๆ "แมว" ก็เลยกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานั้น ที่จะใช้สำหรับการสอดแนมสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในสภาวะแวดล้อมที่เข้าถึงได้ยากหรือมีความปลอดภัยสูง

แต่กลับกลายเป็นว่าโครงการนี้มีความซับซ้อนและมีความท้าทายมากกว่าที่คิด

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ผลลัพธ์ของโครงการ Acoustic Kitty

มีการลงทุนใน "แอนิมอล โปรเจค" นี้ไปมากกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่โครงการนี้กลับประสบความล้มเหลว แมวหลายตัวถูกผ่าตัดเพื่อฝังอุปกรณ์สอดแนม แต่ด้วยสภาพร่างกายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อุปกรณ์ที่ฝังใช้การไม่ได้ เพราะอยู่ในที่อับ ชื้น อุณหภูมิสูง ส่วนร่างกายของแมวเอง ก็ไม่ตอบสนองกับอุปกรณ์ที่ถูกฝัง บางตัวตาย บางตัวพิการ ส่วนตัวที่รอด ฟื้นตัวได้ ก็ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจ แต่ก็ตายในหน้าที่ เช่น โดนรถทับ 

นอกจากนี้ ทีมงานผู้วิจัยยังพบว่าการฝึกแมวให้ทำงานตามที่ต้องการ "เป็นสิ่งที่ยากมาก" เพราะแมวก็คือแมว สัญชาตญาณแมวที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ แม้จะฝึกฝนแล้วก็ตาม แต่เมื่อปล่อยปฏิบัติงาน "มักหลงทาง" ไปยังจุดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย บ้างก็ละเลยคำสั่งที่ได้รับ สุดท้ายก็สอดแนมอะไรไม่ได้เลย 

ในที่สุด โครงการ Acoustic Kitty ก็ถูกสั่งยกเลิก ถือว่าเป็นความล้มเหลวทางเทคนิคและการสูญเงินไปกับ "แมว" ที่ไม่เคยเป็นทาสมนุษย์เลยมาแต่ไหนแต่ไร 

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

(นุด) เรียนรู้จากความล้มเหลว (จากแมว) 

แม้ว่าโครงการ Acoustic Kitty จะจบลงด้วยความล้มเหลว แต่โครงการนี้ได้ทิ้งมรดกทางวิชาการและเทคโนโลยีไว้มากมายในวงการข่าวกรองและวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีสอดแนมในรูปแบบที่ล้ำสมัยและการใช้สิ่งมีชีวิตเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติภารกิจ

  1. แนวคิดการใช้สัตว์เพื่อการสอดแนมในยุคสงครามเย็นไม่เคยหายไป แม้โครงการสปายแมวจะล้มเหลว แต่สหรัฐฯ ยังพยายามใช้สัตว์ชนิดอื่นมาเป็นสายลับอีก เช่น นกพิราบ โลมา ในภารกิจทางทหารของสหรัฐฯ 
  2. ความล้มเหลวของ Acoustic Kitty ทำให้เห็นถึงข้อจำกัดในการฝังอุปกรณ์ในสิ่งมีชีวิต และความยากลำบากในการฝึกสัตว์ให้ทำตามคำสั่งในสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน แต่ CIA ก็ไม่หยุด แค่เปลี่ยนสัตว์ทดลองอื่น ๆ และวิธีการติดตั้งอุปกรณ์ต่อไป 
  3. บทเรียนเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร การใช้เงินจำนวนมหาศาลในโครงการนี้ เตือนให้เห็นถึงความคุ้มค่าของการประเมินความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจของโครงการลับใด ๆ ที่จะลงทุนในอนาคต การวางแผนที่ดีและการประเมินความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินการโครงการที่มีความลับสูงและความซับซ้อน
ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

บทเรียนจากโครงการนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของมนุษย์กับการทดลองสัตว์ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับสัตว์ และแน่นอนว่าถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในแง่ของจริยธรรม สวัสดิภาพของสัตว์ แม้ว่าผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่การทดลองและการคิดนอกกรอบของมนุษย์เช่นนี้ ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนานวัตกรรม และเป็นเรื่องสร้างแรงบันดาลใจในการค้นหาวิธีการที่ดีอื่น ๆ ในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคตได้ 

โลกแห่งการสอดแนมที่ก้าวล้ำ

จากยุคสงครามเย็น เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในปฏิบัติลับต่าง ๆ  ทำให้การรวบรวมข่าวกรองมีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นการสอดแนมด้วยสปายก็ต้องพัฒนาตามไปด้วย เช่น

  • โดรนขนาดเล็กที่ติดตั้งกล้องความละเอียดสูง บินได้เงียบและรวดเร็ว 
  • ซอฟต์แวร์แฮ็กเกอร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อเจาะระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายของเป้าหมาย เพื่อขโมยข้อมูลที่สำคัญ
  • อุปกรณ์สวมใส่ นาฬิกา แว่นตาอัจฉริยะ หรือ เครื่องประดับต่าง ๆ ที่ถูกดัดแปลงสามารถบันทึกภาพ เสียง หรือแม้แต่ข้อมูลชีวภาพได้
  • AI ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหารูปแบบและความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ และทำนายเหตุการณ์ในอนาคต
ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ย้อนกลับไปที่ ฮวาลดิเมียร์ อีกหน่อย แม้กระทั่งตอนนี้ เบลูกาวัย 15 ปีตัวนี้จะลากลับดาววาฬเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ "รัสเซีย" เองก็ไม่เคยออกมายอมรับหรือมีการตอบโต้ใด ๆ ทั้งสิ้น ว่าเบลูกาขาวตัวนี้เป็นหนึ่งในกำลังพลของกองทัพหมีขาวหรือไม่ คงทิ้งไว้ซึ่งปริศนาที่ยังไม่มีใครไขคำตอบได้ว่า เหตุใด ฮวาลดิเมียร์จึงว่ายน้ำมาถึงนอร์เวย์และอาศัยอยู่ที่นั่นมาตลอด 5 ปี รวมถึง คำถามที่ไม่เคยตอบของรัสเซีย ที่อาจหมายถึงการปฏิเสธว่านี่ไม่ใช่วาฬของฉัน หรืออาจหมายถึงความลับเรื่องการฝึกสัตว์เป็นสปายอาจถูกเปิดเผย

ก็เป็นไปได้หมดทั้งสิ้น 

ฮวาลดิเมียร์

ฮวาลดิเมียร์

ฮวาลดิเมียร์

อ่านข่าวอื่น :

กลับดาวเบลูกา "Hvaldimir" วาฬสอดแนมรัสเซียชื่อดังตายแล้ว

เปิดหน้า "ซาบีดา ไทยเศรษฐ์" นอมินีเจ้าพ่อลุ่มน้ำสะแกกรัง

อ้างรอหมอนาน! พกมีดอาละวาด รพ. เดินกลางตลาด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง