นโยบายไม่ต่างจากเดิมมากนัก เป็นคำยืนยันที่แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงหลังการประชุมครม.นัดพิเศษ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ก.ย.2567) โดยให้เหตุผลอ้างว่า เป็นการสานงานต่อรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน
แต่หากตั้งข้อสังเกต เหตุพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคออกมาให้ความเห็นที่ต่างออกไป ทั้งนโยบายกัญชาทางการแพทย์ ของพรรคภูมิใจไทย และนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ของพรรคเพื่อไทย ไว้ก่อนหน้านี้ แต่กลับถูกบรรจุในนโยบายรัฐบาล ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กุนซือคนสำคัญบอกมาระบุว่า ไร้ซึ่งเสียงทัดท้าน เพราะหากออกมาเป็นนโยบายรัฐบาล ทุกพรรคต้องเห็นชอบร่วมกัน
สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ที่ออกมากลับลำว่า โดยกติกามารยาท ต้องสนับสนุน และให้เหตุแห่งผล พอถึงตานโยบายเราฝั่งนู้นไม่สนับสนุนแล้วประชาชนจะได้อะไร ดูต่างท่าทีที่ออกมาแถลงก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
ด้านฟากฝั่งนักวิชาการนาย ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกของรัฐบาลผสม ที่จะต้องหาจุดกึ่งกลางร่วมกันของนโยบาย เพื่อให้รัฐบาลนั้นเดินหน้า ด้วยเห็นชอบขับเคลื่อนนโยบายกัญชาและเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไปพร้อมกัน
ท้ายที่สุดการหยุดด้วยคำว่า "สมประโยชน์ร่วมกัน" จะเป็นการขับประเทศให้เดินหน้า หรือ เป็นเพียงการเคลื่อนให้รัฐบาลนั้นก้าวต่อได้
ทั้งนี้หลังวันที่ 13 ก.ย.นี้ หลังแถลงนโยบายเสร็จสิ้น ด่านแรกที่รัฐบาลแพทองธาร 1 ต้องฟันฟ่า คือบรรดานักร้องแห่จองยอดกฐิน แม้เรื่องบ้างเรื่องจะดูไม่เข้าที แต่ก็มีหนาว ๆ ร้อน ๆ ด้วยการถือครองหุ้นอัลไพล์ และหนึ่งข้อพึ่งระวังว่า โค้ชอย่าง นายทักษิณ ชินวัตร จะล้ำเส้นก้าวย่างปรากฎตัวที่ทำเนียบรัฐบาล อาจทำเรือลำนี้สะดุดลง
อ่านข่าว : เปิด 10 นโยบายเร่งด่วน "รัฐบาลแพทองธาร" ดิจิทัลวอลเล็ต-ลดราคาพลังงาน
"ภูมิธรรม" ยังไม่ฟันแจกเงินกลุ่มเปราะบาง 20 ก.ย. ขอรอ ครม.เคาะ