ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

3 วายร้าย สัตว์มีพิษชอบเข้าบ้านหน้าฝน ป้องกันได้ไม่เจ็บตัว

ไลฟ์สไตล์
26 ก.ย. 67
18:00
586
Logo Thai PBS
3 วายร้าย สัตว์มีพิษชอบเข้าบ้านหน้าฝน ป้องกันได้ไม่เจ็บตัว
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ฤดูฝนแฝงไปด้วยอันตราย สัตว์มีพิษจะออกมาหากินและหนีน้ำท่วม แล้วชอบเข้ามาหลบอยู่ในจุดอับชื้นของบ้านเรือน อย่างห้องครัว หรือ ห้องเก็บของ ทำให้เรามีโอกาสพบเจอสัตว์เหล่านี้ได้บ่อยขึ้น

เมื่อสัตว์เลื้อยคลานและแมลงมีพิษอย่าง ตะขาบ แมงป่อง งู มักมาพร้อมน้ำท่วม การเตรียมวิธีป้องกันและเตรียมความพร้อมจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อป้องกันตัวเองและครอบครัวจากสัตว์มีพิษ 

ตะขาบ 

สัตว์ขาปล้องชนิดหนึ่ง ที่เห็นทีไรก็ขนลุก มีลักษณะเด่นคือลำตัวแบ่งเป็นปล้อง มีขาจำนวนมาก และมีเขี้ยวพิษอยู่ที่ปล้องแรกของลำตัว ในเวลากลางวันจะซ่อนตัวอยู่ที่เย็นๆ ใต้ก้อนหิน ออกหาอาหารในเวลากลางคืน ชอบกินแมลง และสัตว์ขาข้อตัวเล็ก ๆ เป็นอาหาร

พิษของตะขาบ
พิษตะขาบทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน คัน และอาจมีไข้ต่ำ ๆ ได้ ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับขนาดของตะขาบและปริมาณพิษที่ฉีดเข้าสู่ร่างกาย สำหรับผู้ที่แพ้พิษของตะขาบ อาจมีอาการรุนแรง เช่น บวมที่ใบหน้า หนังตา และริมฝีปาก ผื่นขึ้นทั่วร่างกาย หายใจติดขัด อาการหน้ามืด เสียชีวิต

เมื่อถูกตะขาบกัดควรทำอย่างไร?

  1. ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ เพื่อชะล้างพิษออกจากบาดแผล
  2. ประคบเย็น เพื่อลดอาการปวด บวม
  3. รับประทานยาแก้ปวด
  4. อย่าใช้ปากดูดพิษ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องปากได้
  5. สังเกตอาการ หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจหอบ คลื่นไส้ อาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

วิธีป้องกันการถูกตะขาบกัด

  1. รักษาความสะอาดบ้านเรือน กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของตะขาบ เช่น ใบไม้ร่วง ซากพืช ซากสัตว์
  2. อย่าให้มีสัตว์อื่น ๆ ในบ้าน เพราะตะขาบจะเข้ามาหากิน จิ้งจก หนู แมงมุม และแมลงตัวเล็ก ๆ เป็นอาหาร
  3. อย่าปล่อยให้บ้านชื้นแฉะ เพราะตะขาบชอบอาศัยอยู่ในจุดที่ชื้น โดยเฉพาะบริเวณชั้นใต้ดิน ตู้เสื้อผ้า และพื้นที่ซักล้างที่เปียกชื้นบ่อย
  4. อย่าปล่อยให้มีช่องโหว่ รอยแตก และรูรั่วในบ้าน เพราะช่องทางเหล่านี้คือทางเข้าของตะขาบ
  5. ตรวจสอบก่อนนอน เขย่าผ้าห่ม หมอน หมอนข้าง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีตะขาบซ่อนอยู่
  6. สวมรองเท้าเมื่อเดินในที่มืด เพื่อป้องกันการเหยียบย่ำตะขาบโดยไม่ตั้งใจ
  7. ระวังเมื่อหยิบจับสิ่งของ เช่น ไม้กระดาน ก้อนหิน หรือสิ่งของที่วางทิ้งไว้ในที่มืด
  8. ใช้ยาฆ่าแมลง หากพบตะขาบจำนวนมาก อาจใช้ยาฆ่าแมลงที่ได้มาตรฐานกำจัด แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด

กลัวโดนกัด แต่ก็ไม่อยากกำจัด

ตะขาบจะไม่อพยพเข้าบ้านเป็นกองทัพ แต่จะมาเพียงลำพัง หากมองเห็นมันในระยะสายตา ให้รวบรวมความกล้าแล้วกระทืบเท้าลงพื้น (ไม่ต้องกระทืบตะขาบ) เพื่อส่งสัญญาณไล่ให้หนีออกไป สำหรับคนที่กลัวตะขาบมากให้หาโหลมาคว่ำเพื่อขังมันไว้ แล้วค่อย ๆ ย้ายมันออกไปนอกบ้าน

วิธีไล่ตะขาบไม่ให้เข้าบ้าน

  1. ใช้สบู่ปิดไว้ตามท่อน้ำ
    ตะขาบมักหลบรอดเข้ามาในบ้านทางท่อระบายน้ำต่าง ๆ วิธีไล่ตะขาบง่าย ๆ ก็คือนำสบู่ไปวางปิดไว้บนฝาท่อน้ำดังกล่าว โดยสบู่ที่มีความลื่น และมีความด่างในตัวจะช่วยไล่ตะขาบออกไปได้

  2. ใช้น้ำส้มควันไม้
    น้ำส้มควันไม้ที่มีขายตามร้านอุปกรณ์การเกษตร หรือตามซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นอีกวิธีไล่ตะขาบที่ได้ผลดี โดยน้ำส้มควันไม้จะมีส่วนผสมของน้ำมันทาร์และยางเรซินเมื่อนำมาผสมกับน้ำแล้วฉีดพ่นในบริเวณที่คาดว่าตะขาบจะเข้ามาในบ้าน จะช่วยไล่ตะขาบหรือแมลงมีพิษต่าง ๆ ได้อย่างดี ทั้งนี้ ในการฉีดพ่นควรระวังอย่าให้เข้าตาหรือโดนร่างกายเนื่องจากมีความเป็นกรดสูง

  3. ใช้ปูนขาว
    เทปูนขาวตามจุดที่คาดว่าตะขาบจะเข้ามาในบ้าน หรือจุดที่ตะขาบซ่อนตัวอยู่ ก็จะสามารถไล่ตะขาบได้แล้ว และต้องอย่าลืมโรยปูนขาวบ่อย ๆ เพื่อให้ไล่ตะขาบได้นานขึ้น

  4. ใช้ผงไล่ตะขาบ ก้อนไล่ตะขาบ สเปรย์ไล่ตะขาบ
    ปัจจุบันมีการพัฒนาตัวช่วยในการไล่ตะขาบให้สะดวกสบายมากขึ้น มีทั้งรูปแบบผง ก้อน และสเปรย์ มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากสกัดจากสมุนไพร โดยจะส่งกลิ่นพิเศษช่วยไล่ตะขาบออกไปจากบ้าน

  5. หลีกเลี่ยงวิธีกำจัดตะขาบด้วยการเหยียบ หรือทุบ
    เนื่องจากตะขาบที่ถูกเหยียบจะปล่อยฟีโรโมนออกมา ซึ่งจะดึงดูดตะขาบตัวอื่นให้เข้ามายังบริเวณที่ตะขาบตัวนั้นตาย
ตะขาบ สัตว์เลื่อยคลานมีพิษ ชอบอาศัยอยู่ในที่ชื้นแฉะ

ตะขาบ สัตว์เลื่อยคลานมีพิษ ชอบอาศัยอยู่ในที่ชื้นแฉะ

ตะขาบ สัตว์เลื่อยคลานมีพิษ ชอบอาศัยอยู่ในที่ชื้นแฉะ

งู

เป็นสัตว์เลื้อยคลาน ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีเกล็ดปกคลุมผิวหนังทั่วทั้งลำตัว ลักษณะลำตัวยาว ความยาวขึ้นอยู่กับชนิดของงู มีลักษณะปราดเปรียวและว่องไวในการเคลื่อนที่ มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้สำหรับรับความรู้สึกทางกลิ่น มีทัั้งแบบมีพิษและไม่มีพิษ

พิษของงู
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ระบุว่า งูไม่มีพิษ รอยเขี้ยวบนผิวหนังจะเรียงเป็นแถว แต่หากเป็นงูพิษจะมีรอยเขี้ยว 2 จุดชัดเจน หรือมีเลือดซึมออกจากแผล และบริเวณรอบๆ รอยเขี้ยวมีสีคล้ำ หรืออาจพองเป็นถุงน้ำ ซึ่งพิษของงูจะส่งผลต่อร่างกาย แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

ประเภทที่ 1 พิษต่อระบบประสาท (Neurotoxin)
ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม และงูทับสมิงคลา

อาการ : เริ่มจากแขนไม่มีแรง กระวนกระวาย ลิ้นเกร็ง พูดจาอ้อแอ้ ตามัว น้ำลายฟูมปาก เนื่องจากกล้ามเนื้อการกลืนเป็นอัมพาต หยุดหายใจ และเสียชีวิตในที่สุด

ประเภทที่ 2 พิษต่อระบบการแข็งตัวของเลือด (Hematotoxin)
ได้แก่ งูเขียวหางไหม้ งูแมวเซา และงูกะปะ

อาการ : เริ่มจากปวดแผลมาก มีเลือดซึมออกจากแผล เลือดออกจากอวัยวะต่างๆ เช่น เลือดกำเดา เหงือก ไอ อาเจียน ปัสสาวะและอุจจาระเป็นเลือด เกิดจากภาวะระบบไหลเวียนล้มเหลว และตายในที่สุด

ประเภทที่ 3 พิษต่อกล้ามเนื้อ (Mytotoxin)
มักจะไม่พบในภาวะน้ำท่วม เนื่องจากเป็นงูทะเล แต่ไม่ว่าจะถูกงูมีพิษประเภทใดกัด สิ่งแรกคือ ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด เพราะจะส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ พลอยให้พิษงูถูกสูบฉีดแล่นเข้าสู่หัวใจได้เร็วขึ้น ซึ่งอาการของพิษงูจะเริ่มแผ่ซ่านตั้งแต่ 15 - 30 นาที หรืออาจนานถึง 9 ชั่วโมง จึงต้องเฝ้าสังเกตอาการอย่างต่อเนื่อง 

เมื่อถูกงูกัดควรทำอย่างไร?

  1. ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดไม่ควรใช้ปากดูดเลือด หรือใช้ของมีคมกรีดเปิดปากแผล
  2. ไม่ควรใช้สมุนไพรพอกแผล หรือประคบน้ำแข็ง
  3. ไม่ควรใช้ผ้า หรือเชือกรัดเหนือบริเวณที่ถูกกัด เพราะจะทำให้แขนขาส่วนปลายขาดเลือดไปเลี้ยง
  4. เคลื่อนไหวร่างกายส่วนที่ถูกกัดให้น้อยที่สุด
  5. รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

วิธีป้องกันการถูกงูกัด

  1. ตรวจดูเสื้อผ้าและรองเท้าก่อนสวมใส่ทุกครั้ง
  2. นอนบนที่นอนหรือเตียงที่สูงเหนือพื้นดิน
  3. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในที่รกเวลากลางคืน และบริเวณที่อาจมีงูอาศัยอยู่ เช่น ช่องแคบ ซอกหิน ซอกปูน
  4. ไม่ยื่นมือเข้าไปในโพรง รู ในที่รก กอหญ้า หรือกองไม้ เพราะอาจมีงูพิษอาศัย
  5. พกไฟฉายส่องสว่าง หรือไม้สำหรับแกว่งไปมาให้มีเสียงดัง
  6. ให้สวมกางเกงขายาว และรองเท้าหุ้มส้นหรือหุ้มข้อ เมื่อจำเป็นต้องออกจากบ้านตอนกลางคืน

วิธีไล่งูไม่ให้เข้าบ้าน

  1. จัดเก็บของให้เป็นระเบียบ เพื่อลดพื้นที่เสี่ยงที่งูจะเข้ามาอยู่อาศัย
  2. ดูแลต้นไม้และสวนหย่อม ไม่ให้หญ้ายาว ต้นไม้รก เป็นที่พรางตัวของงู
  3. ทำความสะอาดรอบบ้านอยู่เสมอ ตรวจสอบจุดชำรุดเสียหายเพื่อไม่ให้เป็นที่ ๆ เหมาะให้งูมาอาศัย
  4. ใช้ผงกำมะถันผสมน้ำ ราดบริเวณรอบบ้าน ทำอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้กำมะถันเจือจาง
  5. ควรปิดประตูให้เรียบร้อย เพราะเป็นหนึ่งช่องทางขนาดใหญ่ที่งูจะเข้ามาในบ้าน
  6. หน้าต่างเป็นช่องทางขนาดใหญ่ที่งูเข้ามาได้ ควรปิดทุกครั้งหากไม่ได้อยู่ในห้อง หรือในบ้าน
  7. ติดมุ้งลวดหรือตาข่ายกันแมลงสำหรับประตู หน้าต่าง และช่องลม เพื่อปิดทางงูเข้าบ้าน ก็ช่วยได้เช่นกัน
  8. ซ่อมแซมบ้าน ปิดรอยร้าว รู หรือโพรง ให้ดี เพราะเป็นจุดที่งูชอบเข้ามาภายในบ้าน
  9. ควรหมั่นดูความเรียบร้อย ว่าฝาบ่อพักสิ่งปฏิกูลชำรุดหรือไม่ อาจทำให้งู เล็ดลอดเข้าไป แล้วหาทางออกไม่ได้ จึงโผล่เข้ามาบริเวณชักโครก

วิธีป้องกันงูในชักโครก

  1. ติดตั้งตะแกรงตามท่อน้ำทิ้ง โดยเช็กระบบท่อระบายและระบบบ่อพักสิ่งปฏิกูล
  2. นำโซดาไฟ ราดในชักโครก
  3. ติดตั้งกล่องกันงู อีกหนึ่งวิธีป้องกันงูในชักโครกที่ทำได้ตั้งแต่ต้นคือการติดตั้งท่อกันงู ฝากันกลับ หรือกล่องกันงู ติดตั้งกับชักโครก เพื่อป้องกันไม่ให้งูเข้ามาในชักโครกได้อีกต่อไป
งู อสรพิษหน้าฝน ชอบซุกตามบ้านเรือน

งู อสรพิษหน้าฝน ชอบซุกตามบ้านเรือน

แมงป่อง

แมงป่องมีรูปร่างคล้ายปู มีขนาดยาว 2-10 เซนติเมตร ลำตัวประกอบด้วยส่วนหัวและอกรวมกัน ส่วนท้องลักษณะยาวและแบ่งเป็นปล้องๆ ส่วนปากมีลักษณะเป็นก้ามขนาดใหญ่คล้ายก้ามปูไว้สำหรับจับเหยื่อ ส่วนหางมี 5 ปล้อง ปลายหางยกขึ้น ปล้องสุดท้ายมีอวัยวะสำหรับใช้ต่อยและมีต่อมพิษอยู่ที่ส่วนปลาย

แมงป่องออกหากินในเวลากลางคืน มักพบในห้องน้ำ ครัว ผนังห้อง ท่อแอร์ ชอบที่เย็น กลางวันซุกอยู่ตามกองไม้ กองหิน และในดิน อยู่ได้ทั้งในทะเลทรายและป่าแถบร้อนชื้น

เป็นสัตว์มีพิษแรงที่ปลายหาง แมงป่องบางชนิดมีพิษไม่รุนแรง บางชนิดพิษรุนแรงมาก อาจทำให้ตายได้

พิษของแมงป่อง

พิษของแมงป่องออกฤทธิ์ทำลายเซลล์ประสาท กล้ามเนื้อหัวใจ หลังถูกต่อยผู้ป่วยเริ่มมีอาการภายใน 4-7 นาที และมีอาการปวดมากในเวลา 30 นาที พิษจะถูกกำจัดทางปัสสาวะภายในเวลา 4.2 – 13.4 ชั่วโมง ปริมาณพิษที่ได้รับมากจะเกิดอาการมาก เช่น มีอาการปวดบวมแดง ปวดแสบปวดร้อนตรงบริเวณที่ถูกต่อย บางครั้งจะเป็นรอยไหม้ คัน ชา มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ถ้าเข้าสู่กระแสเลือดจะมีผลต่างๆ เช่น ง่วงซึม อัมพาตบางส่วน กล้ามเนื้อเกร็ง น้ำลายไหล ชัก ความดันโลหิตสูง ปัสสาวะน้อย หัวใจเต้นเร็ว น้ำคั่งในปอด และอาจเสียชีวิตจากภาวะการหายใจล้มเหลว ระบบการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาการพิษจะเริ่มในเวลา 1.5 – 42 ชั่วโมงหลังถูกแมงป่องต่อย

เมื่อถูกแมงป่องต่อยควรทำอย่างไร?

  1. ทำความสะอาดแผลและผิวหนังบริเวณรอบ ๆ ด้วยน้ำและสบู่อ่อน
  2. ประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดบวมที่แผลและลดการแพร่กระจายของพิษ
  3. ยกอวัยวะข้างที่มีแผลจากแมงป่องต่อยให้อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ เพื่อลดอาการปวดบวมและป้องกันพิษแมงป่องแพร่กระจายไปสู่ส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย
  4. รับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดหรือความรู้สึกไม่สบายตัว
  5. ถ้ามีอาการปวดแผลมากให้รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

วิธีป้องกันการถูกแมงป่องต่อย

  1. ปิดประตูบ้านให้สนิทในช่วงหน้าฝน
  2. สวมรองเท้าเดินบริเวณบ้านในตอนกลางคืน
  3. สวมถุงมือก่อนทำสวน ยกของ หรือเก็บกวาดกองไม้หรือกองดิน
  4. เขย่ารองเท้าและถุงมือก่อนสวม
  5. ไม่ควรล้มตัวนอนกับพื้นหากปราศจากผ้าปูหรือเสื่อรอง

วิธีไล่แมงป่องไม่ให้เข้าบ้าน

  1. ทำความสะอาดสวนในบ้านให้สะอาด โล่งโปร่งทุกซอกทุกมุม กำจัดแหล่งหลบซ่อนของแมงป่อง เช่น ใต้กองไม้ ใต้กองหิน และใต้เฟอร์นิเจอร์
  2. ปิดทุกทางเข้าออกของแมงป่อง ตามรอยแยก ตามรอยแตกตามผนัง ร่องใต้ประตู รวมถึงอย่าเปิดประตูทิ้งไว้
  3. ปิดท่อน้ำด้วยฝาตะแกรงที่มีช่องห่างน้อย หรืออาจใช้แผ่นไม้ แผ่นหินปิดก็ได้
  4. วางน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์หรือกลิ่นซิตรัสในจุดเสี่ยง
  5. กำจัดแหล่งอาหารของแมงป่อง เช่น แมลงสาบ มด และจิ้งหรีด
  6. ใช้น้ำยาไล่แมลง
แมงป่อง มีพิษร้ายที่ปลายหาง

แมงป่อง มีพิษร้ายที่ปลายหาง

แมงป่อง มีพิษร้ายที่ปลายหาง

ข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 

อ่านข่าว :
เมื่อกลายเป็นผู้ประสบภัย ต้องจัดการเรื่อง "ส้วม" อย่างไรช่วงน้ำท่วม

ซ่อมต่อหรือขายทิ้ง ? วิธีดูแล "รถยนต์" หลังถูกน้ำท่วม

"พินัยกรรม" สำคัญอย่างไร เลือกทำแบบไหนดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง